Quantcast
Channel: รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all 8802 articles
Browse latest View live

อย่างเท่! เผยโฉม Ford Mustang สูตรดริฟฟ์เอาใจวัยรุ่น

$
0
0

อย่างเท่! เผยโฉม Ford Mustang สูตรดริฟฟ์เอาใจวัยรุ่น
Mustang-RTR
แบรนด์รถยักษ์ใหญ่อย่างทาง Ford จากประเทศสหรัฐอเมริกาและนักขับรถชื่อดังอย่าง Vaughn Gittin Jr. นั้นได้ร่วมมือกันในการเปิดตัวรถแบบ “Mustang RTR 2018” ออกมาแล้ว โดยเปิดตัวให้แฟนได้ชมกันผ่านทางงานใหญ่อย่าง SEMA Auto Show ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเองในปีนี้

โดยล่าสุดนั้นทีมงานแบรนด์รถอย่าง Ford Motors นั้นได้ออกมายืนยันแล้วว่ารถแบบ Mustang RTR 2018 นั้นจะจำหน่ายผ่านทางตัวแทนจำหน่ายของพวกเขา ซึ่งจะมาพร้อมกับดีไซน์แบบ “RTR Design Package” ที่ออกแบบร่วมกับนักแข่งรถชื่อดังอย่างทาง Vaughn Gittin Jr.

สำหรับชุดแต่งเพิ่มเติมนั้นทางทีมงานของ Ford จะมีหลายระดับ เช่น Spec 1, Spec 2 และ Spec 3 variants มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาดทั้งสิ้น 5.0 ลิตรแบบ V8 ให้กำลังสูงสุดถึง 700 แรงม้า (ประมาณ 522 kW.) เลยทีเดียว ซึ่งรถแบบ RTR Mustangs รุ่นท็อปสุดอย่าง Spec 3 นั้นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแบบ Ford Performance supercharger เพิ่มเติมด้วย

“แน่นอนว่ามันยอดเยี่ยมมากๆที่แบรนด์อย่าง Ford นั้นได้เปิดตัวรถอย่าง Mustang 2018 ร่วมกับทีมงานของผมและตัวผม และผมมั่นใจว่ามันจะเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่แรงและดีที่สุดเลยทีเดียว “Vaughn Gittin Jr.  พูดถึงรถแบบ Ford Mustang ตัวใหม่ของเขา

ประวัติของ Vaughn Gittin 

1234567


10 ตัวแทน นิสิต นักศึกษาจากทั่วประเทศ เรียนรู้ประสบการณ์จริงนอกตำรากับฮอนด้า ผ่านโครงการ “Honda Smart Idol” ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34

$
0
0

10 ตัวแทน นิสิต นักศึกษาจากทั่วประเทศ เรียนรู้ประสบการณ์จริงนอกตำรากับฮอนด้า
ผ่านโครงการ “Honda Smart Idol” ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34

Honda Smart Idol รุ่นที่ 25 - Motor Expo 2017_resize

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คัดเลือก 10 นิสิต นักศึกษาจากทั่วประเทศ เพื่อเป็นตัวแทนฮอนด้าในโครงการ “Honda Smart Idol” รุ่นที่ 25 ร่วมเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานจริงนอกตำรา ในการแนะนำนวัตกรรมและยนตรกรรมของฮอนด้า รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ ให้กับผู้เยี่ยมชมบูท ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 (The 34th Thailand International Motor Expo 2017) บูทฮอนด้า A14 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน–11 ธันวาคม 2560

ฮอนด้า ให้ความสำคัญและสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนอยู่เสมอ โครงการ Honda Smart Idol เป็นหนึ่งในโครงการของฮอนด้าที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานในชีวิตจริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนกล้าที่จะทำตามความฝัน และมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของตนเองอยู่เสมอ

นายชวิศ จารุวงศ์วณิชย์ (โม) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การได้รับคัดเลือกมาเป็นตัวแทน Honda Smart Idol ทำให้ผมมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น ถือเป็นก้าวแรกที่ผมจะได้พิสูจน์ความสามารถที่นอกเหนือจากการเรียนในมหาวิทยาลัย และเป็นการเตรียมพร้อมก่อนการทำงานในชีวิตจริงด้วย”

น.ส. ณิชกานต์ เหล่าสารคาม (อิง) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเสริมว่า “การเข้าร่วมกิจกรรมนี้ นอกจากจะได้ความรู้และได้ฝึกฝนตัวเองในด้านต่างๆ ทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและการทำงานเป็นทีมแล้ว ยังได้มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนใหม่ อิงเชื่อมั่นว่า ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราทุกคนที่เข้าร่วมโครงการในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ”
พบกับตัวแทนจากโครงการ “Honda Smart Idol” รุ่นที่ 25 ทั้ง 10 คน และยนตรกรรมฮอนด้าทั้ง 12 รุ่น

พร้อมแคมเปญสุดพิเศษที่ทำให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายขึ้น ได้ที่บูทฮอนด้า A14 ในงาน มหกรรม
ยานยนต์ ครั้งที่ 34 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560

Yamaha ดึง ซาโก้ นักบิดระดับโลกโมโตจีพีร่วมงาน Motor Expo 2017 พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่

$
0
0

Yamaha ดึง ซาโก้ นักบิดระดับโลกโมโตจีพีร่วมงาน Motor Expo 2017 พร้อมเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่

Yamaha-Zarco

มร.โยชิทากะ อัทซึมิ (คนที่ 3 จากขวา) รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับ มร.โยฮัน ซาโก้ (คนกลาง) นักแข่งรถจักรยานยนต์ระดับโลกในศึกโมโตจีพี สังกัดทีม Yamaha TECH3 เจ้าของรถแข่ง YZR-M1 หมายเลข 5 ที่เดินทางมาร่วมงานเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ในงาน The 34th Thailand International Motor Expo 2017 ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Yamaha Riders’ Community” เพื่อเอาใจสาวกไบค์เกอร์ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษภายในงาน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 นี้ โดยการต้อนรับนักแข่งระดับโลกครั้งนี้มีขึ้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเร็วๆ นี้

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ (ROCCO) เท่อย่างมีสไตล์ เร้าใจและแกร่งมากยิ่งขึ้น

$
0
0

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่’ (ROCCO) เท่อย่างมีสไตล์ เร้าใจและแกร่งมากยิ่งขึ้น

select_for_dentsu_012

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในทุกๆ ครั้งที่โตโยต้าส่งผลิตภัณฑ์รถรุ่นใหม่ออกมาทำตลาด ล้วนสร้างความตื่นตาตื่นใจและสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์เมืองไทยได้เสมอ ล่าสุดตอกย้ำความสำเร็จอีกขั้นให้กับ ‘ไฮลักซ์ รีโว่’ ด้วยการเปิดตัวรถกระบะรุ่นพิเศษ! ที่มาพร้อมกับชื่อต่อท้ายว่า ‘ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่’ (ROCCO) โดยเติมเต็มความแกร่งขึ้นอีกขั้น ซึ่งได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด ‘แกร่งเกินนิยาม’ ให้ภาพลักษณ์และสัมผัสที่เท่เร้าใจดุดันยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถบุกตะลุยไปในทุกเส้นทางอย่างสนุก ด้วยสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมเช่นเดิม

select_for_dentsu_062

‘ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่’ (ROCCO) รุ่นตกแต่งพิเศษ ให้มุมมองและภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างแปลกใหม่ สังเกตได้จากมีการเติมเต็มเสริมความแกร่งเกือบตลอดทั้งคัน ขณะเดียวกันก็โดดเด่นและแตกต่างไปจากคู่แข่งในตลาด ด้วยชุดแต่งดีไซน์ที่คมเข้มและมีเอกลักษณะเฉพาะตัว ด้านภายในห้องโดยสารยังคงความเท่มีสไตล์ สามารถตอบโจทย์การใช้งานอย่างอเนกประสงค์ ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ติดตั้งมาให้แบบครบๆ

select_for_dentsu_093

รูปลักษณ์ด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ! ให้ความแตกต่างแบบชัดเจน รวมๆ นับว่าโดนใจสาวกขาลุยได้ไม่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างทันสมัยมองแล้วไม่ตกเทรนด์ อีกทั้งมีการเติมเต็มความคมเข้มบึกบึนเข้าไปมากขึ้น ทั้งกระจังหน้าใหม่ดีไซน์ดุดันสีเทา-ดำเงาทั้งแผง ผสานกับชุดกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา ที่ตกแต่งด้วยแถบสีเทาอย่างลงตัว ให้อารมณ์เสมือนพร้อมบุกลุยตลอดเวลาด้วยซุ้มล้อทรงใหม่สีดำ ส่วนบริเวณด้านท้ายสะดุดตาด้วยชุดสปอร์ตบาร์แบบทูโทนเทา-ดำเงา และบ่งบอกตัวตนที่เร้าใจด้วยสติกเกอร์ ROCCO ด้านข้างกระบะ ปิดท้ายความเท่อย่างมีสไตล์ด้วยล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว สีดำดีไซน์ใหม่ เข้าคู่อย่างลงตัวกับยาง All Terrain มาพร้อมกับตัวอักษรสีขาวที่แก้มยาง (White Letter)

select_for_dentsu_111

เท่มีสไตล์ด้วยล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว สีดำดีไซน์ใหม่ เข้าคู่กับยาง All Terrain แบบ White Letter อย่างลงตัว

select_for_dentsu_104

บ่งบอกตัวตนอย่างชัดเจนด้วยสติกเกอร์ ROCCO ด้านข้างกระบะ

03_Revo_RR_4_2_Hi

ห้องโดยสารเน้นสัมผัสที่เข้มขรึมมากขึ้น โดยเลือกใช้ธีมสีดำเมทัลลิก ไล่ตั้งแต่คอนโซลหน้า แผงประตูข้าง ตลอดจนช่องปรับอากาศและฐานเกียร์ รวมถึงกรอบเสาประตูและแผงบุหลังคาเป็นสีดำทั้งหมด ในขณะที่พวงมาลัยและหัวเกียร์ต่างถูกหุ้มด้วยหนังพร้อมตกแต่งด้วยแถบสีดำเมทัลลิกเช่นกัน ส่วนชุดมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสง Optitron สีขาว มองแล้วให้ความเร้าใจแบบแตกต่าง ตรงกลางเป็นจอ MID ขนาด 4.2 นิ้ว ช่วยแสดงข้อมูลการขับได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมี Cool Box พร้อมสัญลักษณ์ Hilux ที่ดีไซน์ขึ้นเฉพาะรุ่น รวมถึงยังเติมเต็มประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยสวิตซ์เลือกโหมด ทั้ง Eco หรือ Power

RR_04_Compose_steel_1_Hi

ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ (ROCCO) มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร คอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด (GD Efficient Boost) ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยตัวถังแบบ Smart Cab มีให้เลือก 3 สี คือ ขาวมุก White Pearl Crystal, บรอนซ์เงิน Silver Metallic และดำ Attitude Black Mica ส่วนตัวถัง แบบ Double Cab มีให้เลือก 4 สี คือ ขาวมุก White Pearl Crystal,บรอนซ์เงิน Silver Metallic, ดำ Attitude Black Mica และแดง Crimson Spark Red Metallic

‘ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่’ (ROCCO) มีให้เลือก 2 รุ่นตัวถังคือ Smart Cab รุ่น 2.8G MT Prerunner และ Smart Cab 2.8G MT 4X4 ส่วนตัวถัง Double Cab มี 3 รุ่นย่อย คือ 2.8G AT Prerunner, 2.8G MT 4X4  และ 2.8G AT 4X4

select_for_dentsu_098

‘ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่’ (ROCCO) นับเป็นรถกระบะรุ่นใหม่ ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้ชื่นชอบรถกระบะที่ต้องการความแปลกใหม่อย่างแตกต่าง ภายใต้ดีไซน์แข็งแกร่งบึกบึนขึ้นและสะดุดตากว่าเดิม และยังสามารถตอบสนองการขับขี่ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงสนุกและเร้าใจ

นอกจากนี้โตโยต้าสร้างความโดดเด่นให้ ‘ไฮลักซ์ รีโว่ ในรุ่นปรับปรุงโฉมใหม่’ ด้วยดีไซน์ที่สะดุดตาขึ้น ภายใต้แนวคิด ‘ตัวตนของคนจริง’ เสมือนต้องการสื่อสะท้อนออกมาเป็นรถกระบะยุคใหม่ ที่ดูแล้วให้ภาพลักษณ์เท่ดุดันและสวยเร้าใจมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันยังคงความโดดเด่นในเรื่องของฟิลลิ่งการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ที่ทันสมัยให้ความแรงอย่างเต็มสมรรถนะ

REVO D Cab_P10-P11Catalogue REVO D Cab

โดยรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูง (Prerunner) และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวถัง Smart Cab และ Double Cab ทีมออกแบบของโตโยต้าได้เพิ่มความดุดันอย่างแตกต่าง ด้วยกระจังหน้าที่ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด โดยเลือกใช้สีดำเงาล้อมด้วยแถบโครเมี่ยมทั้งชุด ถัดลงมากรอบไฟตัดหมอกถูกเปลี่ยนเป็นสีดำเงา ส่วนรายละเอียดภายในห้องโดยสาร มีการตกแต่งด้วยโทนสีดำเพื่อเน้นความเข้มดุดัน

C_Cab

สำหรับรุ่น Smart Cab และ Double Cab แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็ให้ความเท่ไม่น้อยหน้า โดยมีการออกแบบชุดกันชนใหม่ ให้ออกมาเป็นสีเดียวกับตัวรถ ผสานกับกรอบไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ รวมทั้งเพิ่มความเร้าใจด้วยชุดตกแต่งกันชนหน้าช่วยเสริมความแกร่ง

revo mlm B CAB A

ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ทุกรุ่นย่อย ถูกพัฒนาให้สามารถรองรับการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น เห็นได้จากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ และอุปกรณ์ความบันเทิงที่ติดตั้งมาให้แบบไม่กั๊ก นอกจากนี้ยังคำนึงถึงความต้องการของผู้ขับในทุกกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มกระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Standard Cab หรือเกรดล่างที่ส่วนใหญ่มักเป็นรถใช้งานเพื่อการขนส่งหรือบรรทุกจริงๆ ก็ยังขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายเช่นกัน

01.MAIN_INT

คงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมด้วยขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด (GD Efficient Boost) ที่พร้อมตอบสนองอย่างสนุกและเร้าใจ ด้วยแรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง (Flat Torque) รองรับการลุยหรือการบรรทุกในทุกเส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

REVO D Cab_P06-P07

ขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล เจเนอเรชั่นล่าสุด (GD Efficient Boost) ที่ตอบสนองได้ทุกช่วงการขับขี่ ด้วยแรงบิดสูงสุดในรอบกว้าง (Flat Torque) พร้อมรองรับการลุยการบรรทุกในทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ

โดยเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร รหัส IGD-FTV Turbo แปรผัน (VN Turbo) ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร, เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (High) Turbo แปรผัน (VN Turbo) 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร (High) Turbo แปรผัน (VN Turbo) 177 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร

เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV Turbo แปรผัน (VN Turbo) 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร (High) Turbo แปรผัน (VN Turbo) 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร

เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร รหัส 2TR-FE Dual VVT-i  รองรับพลังงาน E20 เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า, เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน 2,700 ซีซี เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า

Engine C

ไฮลักซ์ รีโว่’ รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ นอกจากให้ความเร้าใจด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์สดใหม่แล้ว ในด้านการใช้งานรวมๆ นับว่าค่อนข้างคุ้มค่า เมื่อเทียบกับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย บวกกับฟังก์ชั่นและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้แบบครบๆ และยังมั่นใจด้วยขุมพลังอันยอดเยี่ยมที่เป็นจุดเด่นเฉพาะของโตโยต้า ที่สำคัญลูกค้าไม่ต้องรอนานแต่อย่างใด เพราะสามารถส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป

ขอย้ำ!! แฟนพันธุ์แท้กระบะสายพันธุ์แกร่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เตรียมสัมผัสความเร้าใจแบบสดใหม่ของ ‘ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่’ (ROCCO) และ ‘ไฮลักซ์ รีโว่’ รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ได้ในงาน Motor Expo 2017 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคมนี้ หรือที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า 470 แห่งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม 2560 พร้อมข้อเสนอพิเศษ ซื้อวันนี้! รับฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care ไปเลย ถึง 31 ธันวาคมนี้

select_for_dentsu_012select_for_dentsu_016 select_for_dentsu_022 select_for_dentsu_049 select_for_dentsu_054 select_for_dentsu_062 select_for_dentsu_066 select_for_dentsu_082 select_for_dentsu_093 select_for_dentsu_096 select_for_dentsu_098 select_for_dentsu_101 select_for_dentsu_085 select_for_dentsu_105select_for_dentsu_051 05_Revo_RR_4-3m2_Hi  select_for_dentsu_110 select_for_dentsu_111select_for_dentsu_104RR_04_Compose_steel_1_Hi07_Revo_R_3-1m2_Hi02_Revo_RR  4m2_m_HIC_Cabrevo mlm B CAB AREVO D Cab_P10-P11REVO D Cab_P06-P07REVO D Cab_P02-P03REVO C_CABCatalogue REVO D Cab01.MAIN_INTEngine CC_Cab_intCatalogue REVO D Cab_P04-P05

MotoPlex เปิดตัว (VESPA 946) RED สุดยอดสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเพื่อการกุศล และขบวนรถเวสป้ารุ่นพิเศษอีกเพียบที่มาพร้อมกับ Moto Guzzi คัสตอม คอนเซ็ปต์ ในงาน Motor Expo 2017

$
0
0

MotoPlex เปิดตัว (VESPA 946) RED สุดยอดสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเพื่อการกุศลและขบวนรถเวสป้ารุ่นพิเศษอีกเพียบที่มาพร้อมกับ Moto Guzzi คัสตอม คอนเซ็ปต์ ในงาน Motor Expo 2017

Vespa-GTS300-Sport-Edition

บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมชั้นนำ “พิอาจิโอ” และ “เวสป้า” พร้อมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน “อาพริเลีย” และ “โมโต กุซซี่” สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมสะกดทุกสายตามอบประสบการณ์สุดพิเศษภายในบูธโมโตเพล็กซ์ แบงค็อก ด้วยทัพรถ สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยม “(VESPA 946) RED”, “Vespa GTS Super 300 ABS Sport Edition”, “Vespa Primavera 150 i-Get Touring Edition” และ “Vespa S 125 i-Get Sport Edition” รวมถึงโฉมใหม่ของ Moto Guzzi V7 II Stone คัสตอมคอนเซ็ปต์ 2 สไตล์พิเศษ ที่พร้อมเรียกเสียงฮือฮาจากสาวกคัสตอมไบค์สไตล์อิตาเลี่ยน พร้อมให้แฟนๆ สองล้อผู้หลงใหลการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนได้สัมผัสรถใหม่ก่อนใครเป็นครั้งแรก และเปิดโอกาสให้เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ จัดหนัก จัดเต็ม ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017

Vespa-946-Red-TIME2017_02

คุณพรนฎา เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดทั้งปี 2017 นี้ บริษัทฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่แฟนๆ ผู้ที่หลงใหลในการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โดยภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 วันนี้ บูธของ “โมโตเพล็กซ์ แบงค็อก (Motoplex Bangkok)” ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์รถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยม ได้แก่ พิอาจิโอ และเวสป้า รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานทั้ง “อาพริเลีย” และ “โมโต กุซซี่” เราได้ขนรถใหม่มาโชว์ทั้งหมด 4 รุ่นพร้อมความพิเศษจากโมโต กุซซี่สุดเท่ ที่รอทุกท่าน ณ บูธแห่งนี้ และสำหรับในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมโปรโมชั่นโดนใจและข้อเสนอสุดพิเศษต่างๆ เพื่อให้ทุกท่านได้เป็นเจ้าของและสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนได้ง่ายๆ”

Vespa-946-Red-TIME2017_02

สำหรับรถใหม่ที่นำมาจัดแสดงในบูธโมโตเพล็กซ์ แบงค็อก นั้น เริ่มที่เวสป้ารุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้น คือ เวสป้า 946 เร้ด (VESPA 946) RED สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมระดับโลกรุ่นพิเศษ ผลผลิตจากการผนึกกำลังกันระหว่าง พิอาจิโอ กรุ๊ป กับองค์กร RED
ที่ก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือองค์กรที่ต้านภัยโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย โดยได้ร่วมออกแบบเวอร์ชั่นพิเศษด้วยกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้ขับขี่ทุกคนร่วมมือป้องกันการติดเชื้อดังกล่าว และถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความสวยงามของสกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมี่ยมจากเวสป้าที่เรียกได้ว่าเป็นตำนาน และเป็นผลิตภัณฑ์จากกลุ่มยานยนต์เดียวในโลกที่ได้รับเลือกโดย RED ซึ่งสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมรุ่นนี้ได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นสีแดงสดรอบคัน สำหรับ (VESPA 946) RED โครงสร้างทำจากเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมเพื่อความแข็งแกร่งอีกทั้งยังสะท้อนความหรูหราและคลาสสิกอีกด้วย โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 150 ซีซี 4 จังหวะ 1 สูบ 3 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเบรกแบบสองจานดิสก์เบรกหน้า-หลัง และ ระบบ Dual – Channel ABS เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ ASR หรือ Traction Control ป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง ทั้งหมดนี้กล่าวได้ว่า (VESPA 946) RED คือ สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน โดยนำเข้ามาจำหน่ายในไทยสนนราคาอยู่ที่ 599,000 บาท

Vespa-GTS300-Sport-Edition

อีกรุ่นคือ เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส สปอร์ต อิดิชั่น (Vespa GTS SUPER 300 ABS Sport Edition) ที่จะมาสร้างความเพลิดเพลิน สนุก เร้าใจไปกับทุกการเดินทางไกลด้วยสุดยอดรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเวสป้าเฟรมใหญ่สไตล์สปอร์ต สะดุดตาด้วยเฉดสีพิเศษ สีเหลืองด้าน (Giallo Gelosia) มาพร้อมชิวด์สั้นสีสโม้คพร้อมตะลุยในทุกเส้นทาง โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายกราฟิกด้านข้างตัวรถ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ “ควอซาร์ (Quasar)” ขนาด 300 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว ทรงพลัง มอบความเร็วและแรงที่สุดในบรรดารถเวสป้าทุกรุ่น ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ มั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบเบรก ABS ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เสริมด้วยระบบ ASR (Anti-Slip Regulation) หรือระบบป้องกันการลื่นไถล และ Tilt Sensor ตรวจจับการเอียงของรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ สำหรับท่านที่ซื้อ เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส สปอร์ต อิดิชั่น ยังจะได้รับชุดของพรีเมี่ยมออกแบบพิเศษ ได้แก่ หมวกกันน็อคสีเหลืองด้านเข้าคู่กับตัวรถ หมวกแก๊ป ผ้าเช็ดหน้า และกระเป๋าเป้ ที่จะให้รสชาติการเดินทางของคุณสนุกสนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเวสป้ารุ่นพิเศษนี้ผลิตขึ้นเพียง 200 คันในประเทศไทยเท่านั้น สนนราคาอยู่ที่ 205,900 บาท

มาต่อกันที่ เวสป้า พรีมาเวร่า 150 ไอ-เก็ท ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น (Vespa Primavera 150 i-get Touring Edition) ที่จะมาเป็นเพื่อนคู่ใจ พร้อมออกเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีสไตล์ เท่ ไม่ซ้ำใครมากขึ้นกับรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเวสป้าไฟกลมรุ่นพิเศษที่มาในเฉดสีเบจเมทัลลิคสุดคลาสสิก (Beige Tufo Di Lecce) มีจำนวนจำกัดเพียง 200 คันในประเทศไทย ตัวรถมาพร้อมชิวด์สั้น ตะแกรงหน้า-หลังสีโครเมี่ยมสำหรับบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม แต่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์หรูหราปราดเปรียวเช่นเดิม เสริมสมรรถนะความคล่องตัวด้วยกระเป๋าด้านข้างสีครีม ทุกเส้นทางนิ่มนวลด้วยเครื่องยนต์ i-Get ใหม่ และปลอดภัยกว่าเดิมด้วยระบบเบรก ABS ให้คุณสนุกสนานและมั่นใจไม่ว่าจะโลดแล่นไปในเส้นทางไหน โดยเวสป้า พรีมาเวร่า 150 ไอ-เก็ท ทัวร์ริ่ง อิดิชั่น ที่เปี่ยมด้วยสไตล์คันนี้ ราคา 134,900 บาท

ขณะที่อีกรุ่น คือ เวสป้า เอส 125 ไอ-เก็ท สปอร์ต อิดิชั่น (Vespa s 125 i-get sport edition) ที่ได้สร้างกระแสเปิดตัวบนออนไลน์เป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ โดยรุ่นนี้จะมอบความเท่ให้คุณจนสุดทาง อัพลุคเท่ให้สปอร์ตกว่าเดิม เพิ่มเติมความเร้าใจ มาพร้อมเฉดสีพิเศษ 2 สี ได้แก่ สีเงินด้าน (Argento Opaco) และสีดำด้าน (Nero Opaco) มีจำหน่ายจำนวนจำกัดในประเทศไทยเพียงสีละ 450 คัน โฉบเฉี่ยวด้วยชิลด์สั้นสีสโม้คเข้าคู่กันกับไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำรุ่น พิเศษด้วยเส้นสายกราฟิกเน้นความปราดเปรียวด้านข้างตัวรถ พร้อมรับชุดของพรีเมี่ยมออกแบบพิเศษ ได้แก่ หมวกกันน็อคสีเข้าคู่กับตัวรถ และผ้าเช็ดหน้าลวดลายกราฟิก เอาใจสาวกสายสปอร์ตให้ทุกการขับขี่โดดเด่นในทุกเส้นทาง ด้วยราคาเพียง 94,490 บาท

ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ขอเพิ่มความตื่นเต้นให้สาวกแบรนด์ระดับตำนาน ต้นกำเนิดเครื่องสูบวีวางขวางอย่าง Moto Guzzi และชาวคัสตอมด้วยการแปลงโฉมหยอดลูกเล่นสุดแปลกตาให้ Moto Guzzi V7 II Stone คันหล่อ ด้วยแนวคิดคัสตอม ในคอนเซปต์
2 สไตล์โดดเด่นพิเศษทั้ง Scrambler (สแครมเบลอร์) และ Tracker (แทรคเกอร์) ที่ออกแบบมาเพื่อความเท่ให้กับ Moto Guzzi V7 II Stone หากสาวกคัสตอมสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Moto Guzzi Thailand

สำหรับโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 นี้ บริษัทฯ พร้อมให้ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนได้เป็นเจ้าของรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมและรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานจากอิตาลีได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอ ดังนี้

· สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเวสป้า 125 ซีซี. ฟรีดาวน์และผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,754 บาทต่อเดือน พร้อมรับของแถมประจำรุ่น
· สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเวสป้า 150 ซีซี. ดาวน์เริ่มต้นเพียง 5,000 บาท และผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,685 บาทต่อเดือน พร้อมรับของแถมประจำรุ่น
· สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเวสป้า GTS Super 300 ABS. พิเศษ คูปองเงินสด 3,000 บาท, ประกันรถหาย, บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน 24 ชม. 1 ปี, ถุงมือ Alpinestars, หมวกกันน็อค Bumshaker, น้ำมัน IPONE 2 ขวด และ IPONE Careline Set 3 ชิ้น
· สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมพิอาจิโอ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 5,000 บาท และผ่อนเริ่มต้นเพียง 2,923 บาทต่อเดือน
· สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมพิอาจิโอ Medley 150 ABS และ Medley S 150 ABS จองวันนี้ รับฟรีทะเบียน พรบ.ประกันรถหาย พร้อมบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ยาว 1 ปี
· มอเตอร์ไซค์อาพริเลีย RSV4 RF รับคูปองเงินสดมูลค่า 120,000 บาท พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียน และ พรบ. พร้อมบริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม.พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์อาพริเลีย RSV4 RR รับคูปองเงินสดมูลค่า 120,000 บาท พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียน และ พรบ. พร้อมบริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ
30,000 กม. พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์อาพริเลีย Tuono V4 1100 Factory รับคูปองเงินสดมูลค่า 120,000 บาท พร้อมฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียน และ พรบ. พร้อมบริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม. พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ V7 II STONE รับคูปองเงินสดมูลค่า 60,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาท และฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียน และ พรบ.
บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม.พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ V7 II RACER รับคูปองเงินสดมูลค่า 70,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาท และฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียนและ พรบ.
บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม. พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี

· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ V7 III Anniversario รับคูปองเงินสดมูลค่า 35,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาท และฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียนและ พรบ. บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม. พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ V9 Bobber รับคูปองเงินสดมูลค่า 45,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาทและฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียนและ พรบ.
บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม. พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ V9 Roamer รับคูปองเงินสดมูลค่า 60,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาท และฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียนและ พรบ.
บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม.พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ Audace รับคูปองเงินสดมูลค่า 120,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาทและฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียนและ พรบ.
บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม.พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี
· มอเตอร์ไซค์โมโต กุซซี่ MGX-21 รับคูปองเงินสดมูลค่า 100,000 บาท พร้อมเสื้อ OSCAR MONTY LEATHER JACKET จาก Alpinestars มูลค่ากว่า 22,900 บาท และฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อมค่าจดทะเบียนและ พรบ.
บริการ Motoplex Bangkok Service Maintenance Package ระยะเวลา 2 ปี หรือ 30,000 กม.พร้อมบัตร Motoplex Bangkok Membership Card และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2 ปี

“พิเศษสุด เมื่อจองรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมเวสป้าภายในงาน รับเพิ่มกิ๊ฟต์เซ็ตพิเศษเอาใจสาวกเวสป้า ให้แฟนๆ ที่ชื่นชอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนได้สะสมเป็นของที่ระลึก ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2560 โดยบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการ
ต้อนรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าภายในบูธโมโตเพล็กซ์ แบงค็อก (Motoplex Bangkok) หมายเลข G01 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 นี้” คุณพรนฎา กล่าวปิดท้าย

ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์ของทั้ง 4 แบรนด์ได้ที่เฟซบุ๊ก ดังนี้ Official Vespa Society Thailand, Piaggio Society Thailand, Aprilia Thailand และ Moto Guzzi Thailand

Vespa-946-Red-TIME2017_01 Vespa-946-Red-TIME2017_02 Vespa-946-Red-TIME2017_03 Vespa-946-Red-TIME2017_04 Vespa-946-Red-TIME2017_05 Vespa-946-Red-TIME2017_06 Vespa-946-Red-TIME2017_07 Vespa-946-Red-TIME2017_08 Vespa-946-Red-TIME2017_10 Vespa-GTS300-Sport-Edition

Triumph คว้า “Tiger 800 XRT” และ “Tiger 800 XCA” จาก EICMA โชว์และเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิกใน Motor Expo 2017

$
0
0

Triumph คว้า “Tiger 800 XRT” และ “Tiger 800 XCA” จาก EICMA โชว์และเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิกใน Motor Expo 2017

2018-Triumph-Tiger-800-TIME2017_2

 

 ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดไฮไลต์รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ส่งท้ายปีด้วยสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลแอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่ง ได้แก่ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (Tiger 800 XRTและ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (Tiger 800 XCA) โฉมใหม่! ที่ได้รับการปรับและเพิ่มเติมด้านชิ้นส่วน รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัย โดยทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวเพิ่งเผยโฉมให้โลกได้เห็นอย่างเป็นทางการในงาน  EICMA Show ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และพร้อมแล้วที่จะให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสอย่างใกล้ชิดรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของครั้งแรกก่อนใครในเอเชียแปซิฟิกภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ณ บูธไทรอัมพ์ G05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 – วันที่ 11 ธันวาคม 2560

 2018-Triumph-Tiger-800-TIME2017_7

นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จัดเซอร์ไพรส์ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการขนทัพรถมอเตอร์ไซค์ที่ถือเป็นไฮไลต์ที่สาวกรถแอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่งรอคอย เพิ่งเผยโฉมให้โลกได้เห็นอย่างเป็นทางการในงาน  EICMA Show ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้แก่ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (Tiger 800 XRTและ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (Tiger 800 XCA) โฉมใหม่ล่าสุด มาเปิดตัวให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34″ หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 โดยทั้งเสือร้ายสายลุยสองสมาชิกใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงรถเละเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดมากกว่า 200 รายการ และระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อส่งมอบความสะดวกสบาย ตลอดจนสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัยกว่าที่เคย

2018-Triumph-Tiger-800-TIME2017_6

นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ โฉมใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะขนาด 800 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดที่ 95 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที นอกจากนี้ยังได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะในส่วนสำคัญๆ หลายส่วนที่ออกแบบ เพื่อเพิ่มความสามารถของทั้ง 2 รุ่นต่อการขับขี่บนถนนและทางออฟโรด (Off-Road) ใช้งานง่าย ปราดเปรียว ตลอดจนการเสริมแต่งสไตล์และรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ

2018-Triumph-Tiger-800-TIME2017_3

แผงหน้าปัด TFT แบบ Full Colour ขนาด 5 นิ้ว กระจกหน้ารถแบบปรับได้ ตำแหน่ง และ Aero Diffuser เพื่อการป้องกันลม รวมถึงส่วนประกอบเบาะแบบใหม่ที่ให้ความสบายในการขับขี่ทั้งวัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 5 โหมด ในรุ่นเอ็กซ์อาร์ที ได้แก่ Road, Rain, Sport, Off-Road และ Rider   สุดพิเศษยิ่งขึ้นในรุ่นเอ็กซ์ซีเอ มาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง โหมด เพิ่มโหมดการขับขี่ออฟโรดโปร (Off-Road Pro) แบบใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์ออฟโรดที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดกว่าที่เคยมีมา อีกทั้งมั่นใจในความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเบรกหน้ามาตรฐานสูงของ Brembo รวมถึงรูปแบบของระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาให้ดีที่สุดจาก Showa มีปุ่มสวิตช์ที่แฮนด์บังคับเลี้ยวและจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มกดที่มีไฟในตัวอย่างสวยงาม มีไฟ LED เต็มดวงแบบเฉพาะที่โดดเด่น อีกทั้งการอัพเดทระบบควบคุมความเร็วคงที่ การปรับปรุงโครงรถ ตลอดจนงานตัวถังระดับพรีเมี่ยมที่เคลือบผิวสีคุณภาพสูงพร้อมการออกแบบแผงข้างแบบใหม่ และการตกแต่งเพื่อเพิ่มความโดดเด่นอย่างแท้จริง มีระบบไอเสียที่มีลักษณะเฉพาะและน้ำหนักเบาขึ้น พร้อมเสียงที่เป็นสปอร์ตมากขึ้นเพื่อพลิกโฉมเครื่องยนต์รุ่นสมัยใหม่ มีอัตราทดเกียร์ 1 แบบใหม่ที่สั้นขึ้นเพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะ Off-road การตอบสนองที่ความเร็วต่ำบนทุกสภาพถนน และการเร่งในทันที ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจสำหรับผู้ขับขี่

2018-Triumph-Tiger-800-TIME2017_1

นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้านเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่แบบผจญภัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ ABS ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-Wide) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยปุ่มเดียว (Cruise Control) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบปรับได้ (Traction Control) รวมถึงปลอกมือบิดและที่นั่งอุ่นไฟฟ้า ความสูงที่นั่งแบบปรับได้ ตลอดจนช่องเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น และที่สำคัญ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ โฉมใหม่ล่าสุดนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกสรรอีกมากกว่า 50 รายการ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งรถได้ดั่งใจเพื่อประสบการณ์ขับขี่ขั้นสูงสุดไม่ว่าในรุ่นใดก็ตามอีกด้วย

2018-Triumph-Tiger-800-TIME2017_4

ทั้งนี้ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที มีให้เลือก สี ได้แก่ Silver Ice, Crystal White และ Matt Cobalt Blue  สนนราคาประมาณการ 650,000 บาท และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ มีให้เลือก สี ได้แก่  Korosi Red, Crystal White และ Marine สนนราคาประมาณการ 670,000 บาท

Triumph-Speedmaster-Bobber-Black-Edition_15

ขณะที่ภายในงาน ไทรอัมพ์ ยังขนทัพไฮไลต์รถมอเตอร์ไซค์อีก 2 รุ่นมาเผยโฉมครั้งแรกด้วยเช่นกัน ได้แก่ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค และ บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์  รถมอเตอร์ไซค์สไตล์คัสตอมสุดคลาสสิกแบบฉบับอังกฤษขนานแท้ ที่ยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์รถตระกูลบอนเนวิลล์ดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน โดย บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” (Bonneville Bobber Black) มาพร้อมรูปลักษณ์ที่เข้มขึ้น ดุขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังคงไว้ด้วยคุณลักษณะที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ของ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์คัสตอมพันธุ์แท้ นวัตกรรมยานยนต์ที่สง่างาม ขีดความสามารถที่นิยามความเป็นตัวตน การขับขี่ที่ให้อารมณ์แสนเร้าใจ ตลอดจนเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามกึกก้องทรงพลัง

โดย “บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค” มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนานขนาด 1,200 ซีซี ให้แรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และพละกำลังสูงสุด 77 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที ด้านรูปลักษณ์คมเข้มมากขึ้น ด้วยสไตล์และการตกแต่งรายละเอียดสีดำสนิททั่วทั้งคัน นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการแต่งรถเป็นหัวใจสำคัญ จึงมีชุดแต่ง “Old School” และอุปกรณ์เสริมให้เลือกมากมายกว่า 120 รายการ เพื่อการปรับแต่งรายละเอียดและสไตล์ รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายและเสริมประสิทธิภาพรถให้สูงขึ้น

ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค มาพร้อมกับสีที่น่าสนใจถึง 2 สี ได้แก่สี Jet Black เงางามสุดคลาสสิก และสี Matt Jet Black แบบร่วมสมัย สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 625,000 บาท

Triumph-Speedmaster-Bobber-Black-Edition_05

สำหรับรุ่น บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” (Bonneville Speedmaster) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์สไตล์คัสตอมแท้ อัดแน่นด้วยดีเอ็นเอสายพันธุ์อมตะเหนือกาลเวลาที่รวมคุณลักษณะอันโดดเด่นของมอเตอร์ไซค์ตระกูลบอบเบอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ส่งมอบภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของบอบเบอร์อย่างเต็มเปี่ยมแต่สามารถใช้งานได้ง่ายดายและคล่องแคล่วขึ้นกว่าที่เคย โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บอนเนวิลล์ ขนาด 1200 ซีซี ส่งมอบแรงบิดสูงสุดถึง 106 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และส่งมอบพละกำลังสูงสุดที่ 77 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที พร้อมมอบภาพลักษณ์คัสตอมสุดคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสายพันธุ์การออกแบบที่สืบทอดมาจากบอบเบอร์อย่างเต็มเปี่ยม ตลอดจนได้ถูกออกแบบมาสำหรับการปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดแต่งทั้งหมด 2 ชุด โดยชุดแต่ง ‘Highway’ สำหรับเพิ่มขีดความสามารถด้านทัวร์ริ่งจึงมีชุดสัมภาระแบบอ่อนครบชุด ส่วนชุดแต่ง ‘Maverick’ สำหรับผู้ที่ขี่ต้องการภาพลักษณ์เรียบง่ายแต่ดุดัน และอุปกรณ์เสริมที่มีให้เลือกมากกว่า 130 รายการ 

 ทั้งนี้ “บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” โฉมใหม่มาพร้อม 3 สีสุดคลาสสิกให้เลือก ได้แก่ สี Jet Black สี Cranberry Red/Jet Black และสี Fusion White/Phantom Black พร้อมตัดเส้นคู่ด้วยมือ สนนราคาจำหน่าย 625,000 บาท

อย่างไรก็ตามนอกจากกรถมอเตอร์ไซค์ไฮไลต์ข้างต้นแล้ว บูธไทรอัมพ์ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ได้เนรมิตขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “British Premium Lifestyle” โดยได้นำรถมาโชว์ในงาน 26 คัน ตลอดจนเนรมิตโซนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ขนมาให้เลือกชมและซื้อกันอย่างจุใจ พร้อมส่วนลดพิเศษ 15 – 30 เปอร์เซ็นต์ และโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมาย พิเศษสุดๆ สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกรุ่นทุกคันภายในงานเท่านั้น รับฟรีทันที! ถุงผ้าใส่หมวกกันน็อค Limited Edition จากไทรอัมพ์ นายจักรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บูธไทรอัมพ์ G05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 – วันที่ 11 ธันวาคม 2560 สอบถามข้อมูลติดต่อ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด  อีเมล์Contact.TH@triumphmotorcycles.com  หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

BMW Motorrad ประเทศไทย เผยโฉม BMW R 1200 GS Rallye Version เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย Motor Expo 2017

$
0
0

BMW Motorrad ประเทศไทย เผยโฉม BMW R 1200 GS Rallye Version เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย Motor Expo 2017

BMW Motorrad at Motor Expo 2017_resize

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวด้วยรูปลักษณ์แบบพร้อมลุย เข้ากับสมรรถนะแบบครบเครื่องจากเครื่องยนต์แรงบิดสูงที่ได้สร้างความตื่นตาให้กับแฟนๆ บิ๊กไบค์ทั่วโลก จนได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำของมอเตอร์ไซค์ในเซกเมนต์เดียวกัน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในรุ่นที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด การเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version ใหม่นี้ นอกจากจะถือเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณสมบัติต่างๆ ให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแล้ว ยังมีการเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เข้ามาอีกด้วย

BMW R 1200 GS Rallye_resize

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สองสูบที่มีระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ความจุ 1,170 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 92 กิโลวัตต์ / 125 แรงม้าที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 125 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมระบบท่อไอเสียแบบใหม่ที่ออกแบบให้ลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามเกณฑ์ EU4 pollutant class อีกทั้งยังโดดเด่นจากสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรด ด้วยโหมดในการขับขี่ “Dynamic Pro” และ “Enduro Pro” ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอย่างแท้จริง

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version ยังติดตั้งระบบ Dynamic Electronic Suspension Adjustment (ESA) หรือการปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช๊คด้วยระบบไฟฟ้า จึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะการขับขี่ และระบบ Dynamic Traction Control (DTC) หรือระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก ที่มอบความปลอดภัยระดับสูงแม้ขับขี่ด้วยความเร็ว โดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง รวมทั้งระบบ
Hill Start Control อำนวยความสะดวกเมื่อสตาร์ทรถในบริเวณพื้นที่ลาดชัน

รูปลักษณ์ภายนอกของ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version โฉบเฉี่ยวพร้อมลุยด้วยกระจกบังลมแบบสปอร์ต ล้อซี่ลวด ยางออฟโรด และกล่องใส่สัมภาระ โดยบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ใหม่นี้ เสริมลุคสปอร์ตร้อนแรงยิ่งขึ้นด้วยสี Lupine Blue พร้อมแต่งแต้มลวดลายเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์สปอร์ต ด้านข้างถังน้ำมัน และเฟรมสี Cordoba Blue ที่ตัดกับระบบขับเคลื่อนสีดำทั้งชุด ช่วยให้
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ใหม่มีดีไซน์สปอร์ตที่สะดุดตาที่สุดในตระกูล GS

BMW-G310GS-MSP_05

บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS
ราคาจำหน่าย 219,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่สองต่อจากบีเอ็มดับเบิลยู
G 310 R ที่ใช้เครื่องยนต์หนึ่งสูบ 313 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมติดตั้ง 4 วาล์ว 2 แคมชาฟท์ และระบบหัวฉีดน้ำมันแบบไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 28 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที นับได้ว่า บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ สามารถเป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ที่พร้อมออกผจญภัยไปกับผู้ขับขี่ในทุก ๆ วัน

บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ สะท้อนจิตวิญญาณของความเป็น GS อย่างแท้จริงด้วยบังโคลนหน้าแบบสูง เอกลักษณ์ของเส้นสายอันเฉพาะตัวของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล GS และช่วงท้ายที่สั้นและยกสูง แต่ยังสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวบนทุกเส้นทางด้วยสัดส่วนที่กะทัดรัดและช่วงระยะฐานล้อที่สั้น นอกจากนี้
ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และระบบกันสะเทือนหน้าที่มีขนาดยาว ยังช่วยให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่านั่งหลังตรงที่
ผ่อนคลาย พร้อมช่วยในการบังคับทิศทางที่คล่องแคล่วและแม่นยำอีกด้วย

สำหรับระบบช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ มีความคล้ายคลึงกับบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ด้วยเฟรมตัวถังเหล็กกล้า และท้ายรถแบบ bolt-on ที่มีความทนทานและแข็งแกร่ง อันเป็นปัจจัยสำคัญทำให้รถมอเตอร์ไซค์คันนี้โดดเด่นทั้งในเรื่องของเสถียรภาพในการขับขี่และความแม่นยำในการบังคับทิศทาง นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ ยังพกระบบช่วงล้างล้อหน้าแบบ upside-down fork มาคู่กับระบบช่วงล่างล้อหลังแบบสวิงอาร์มอลูมิเนียมเดี่ยวและสปริงที่ติดตั้งบนสวิงอาร์มโดยตรง

ข้อเสนอพิเศษในงาน Thailand International Motor Expo 2017

ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จะได้พบกับความคุ้มค่าสูงสุดด้วยข้อเสนอพิเศษในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 ดังนี้
· ออกรถพร้อมประกันภัยชั้น 1 เริ่มต้นเพียง 29,900 บาท สำหรับรุ่น F 800 R และ 49,900 บาทสำหรับรุ่น F 800 GS, S 1000 R และ S 1000 XR พร้อมรับฟรีหมวกกันน็อค BMW Motorrad System 7 Carbon*
· ลูกค้าที่ซื้อมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS รับฟรี Aluminum panniers และ top case พร้อมหมวกกันน็อค BMW Motorrad GS Carbon รวมมูลค่าสูงสุด 145,264 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)**
· ลูกค้าที่ซื้อมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR รับทันทีสิทธิ์ในการเรียนขับรถมอเตอร์ไซค์
บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR กับทีมสอนระดับโลกจาก California Superbike School ที่สนามแข่งรถ Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 24 – 25 กุมภาพันธ์ 2561**

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

*ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่จองมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการและทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง
11 ธันวาคม และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
**ข้อเสนอนี้สำหรับผู้ลูกค้าที่จองมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560

TOYOTA จัดทัพยนตรกรรมชุดใหญ่ลุยงาน MOTOR EXPO 2017 นำทีมโดย TOYOTA C-HR

$
0
0

TOYOTA จัดทัพยนตรกรรมชุดใหญ่ลุยงาน MOTOR EXPO 2017 นำทีมโดย TOYOTA C-HR

toyota chr (2)

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เข้าร่วมแสดงยานยนต์ที่มีความหลากหลาย ภายใต้แนวคิด ‘LIVE  ALIVE’ ประสบการณ์ใหม่ ที่ตอบโจทย์ชีวิตทุกด้านของคุณด้วยสุดยอดนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจากโตโยต้า และประสบการณ์สุดพิเศษเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่  โดยนำเสนอรถยนต์รุ่นล่าสุด และ 4 เทคโนโลยีใหม่ ที่จะเป็นมาตรฐานแห่งเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตมาแสดงภายในงาน พร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปลายปี เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าทุกระดับที่ต้องการซื้อรถใหม่

พบกับการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆให้มีดีไซน์ทันสมัย โฉบเฉี่ยว ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวล้ำ และมีการนำระบบมาเชื่อมต่อกับรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนยุคใหม่ภายใต้แนวคิด LIVE ALIVE… ออกไปใช้ชีวิต ประกอบด้วย

New Generation of Hybrid ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ปล่อยมลพิษน้อยลง และแบตเตอรีคงทนมากกว่าเดิม

โครงสร้าง TNGA-แพลตฟอร์มใหม่ เพื่อสร้างรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพการขับขี่สมบูรณ์แบบที่สุดโดยการปรับจุดศูนย์ถ่วงรถยนต์ต่ำลง ประกอบกับช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระ(Double wishbone) ทำให้การทรงตัวและการเข้าโค้งดีขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนน นอกจากนั้นยังพัฒนาโครงสร้างของตัวรถใหม่เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่

Toyota Safety Sense ระบบความปลอดภัยโตโยต้ามาตรฐานระดับโลก ซึ่งประกอบไปด้วยระบบความปลอดภัยก่อนการชน (PRE-COLLISION SYSTEM)  ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ  (DYNAMIC RADAR CRUISE CONTROL)ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ  (AUTOMATIC HIGH BEAMS) และ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ (LANE DEPARTURE ALERT WITH STEERING ASSIST )

Toyota T-Connect Telematics เทคโนโลยีการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่กับรถยนต์ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องง่าย โดยการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่ และศูนย์ข้อมูล เพื่อให้บริการที่หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อผ่านแอพลิเคชั่นบนมือถือ และ Apple Watch ได้อีกด้วย

toyota chr (1)

TOYOTA C-HR (Coupe High Rider) รถยนต์ครอสโอเวอร์ใหม่ล่าสุด  ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอกย้ำแนวคิด Ever-better Cars (การสร้างยนตกรรมที่ดียิ่งกว่า) ด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของเพชร ทำให้รูปลักษณ์ของ C-HR มีความเป็นเอกลักษณ์ สปอร์ต เฉียบคม โดดเด่นและเพียบพร้อมไปด้วย 4 เทคโนโลยีใหม่ เครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ โครงสร้าง TNGA, Toyota Safety Sense และTelematics ที่สำคัญToyota C-HR ยังผสมผสานความอเนกประสงค์ของตัวรถเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่สนุกสนานและประทับใจ

นอกจากนี้ TOYOTA C-HR ยังได้รับการพิสูจน์มาแล้วในยุโรปและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นรถครอสโอเวอร์ที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยยอดขายกว่า 260,000 คัน

เลือกเป็นเจ้าของ TOYOTA C-HR 4 รุ่น และ 6 สี สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด (Premium Red/Black Roof, Blue Metallic/Black Roof, Radiant Green Metallic/Black Roof, White Pearl Crystal, Metal Stream Metallic, Attitude Black Mica) และ 3 สี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน (White Pearl Crystal, Metal Stream Metallic, Attitude Black Mica) ราคารุ่นเริ่มต้นไม่เกิน 1 ล้านบาท-รุ่นท็อป ราคาไม่เกิน 1,200,000 บาท

ลูกค้าที่สนใจสามารถจองสิทธิ์เป็นเจ้าของ C-HR ได้ล่วงหน้าตั้งแต่ 29 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป  ผ่านทางเว็บไซต์ www.toyota.co.th/c-hr หรือผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พิเศษสุดสำหรับผู้จองสิทธิ์ในการซื้อช่วงเวลานี้จะได้รับสิทธิพิเศษในการดีไซน์ C-HR Custom Name Plate ดีไซน์ชื่อในแบบของคุณเอง ทั้งนี้ลูกค้าจะได้รับ C-HR Custom Name Plate เมื่อจองและออกรถ

IMG_2816

Yaris ATIV รถยนต์ซับคอมแพคซีดานรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ตลอดทั้งคัน ทั้งภายนอกและ        ภายใน พร้อมประกอบด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน กว้างขวางสะดวกสบาย อีกทั้งยังเงียบและนุ่มนวลด้วยการเพิ่มวัสดุซับเสียงรบกวนรอบคัน รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัว พร้อมเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานเหนือรถระดับเดียวกัน เลือกเป็นเจ้าของ Yaris ATIV 5 รุ่น และ 7 สี (Dark Blue Mica Metallic (สีใหม่)/ Gray Metallic/ Silver Metallic / Quartz Brown Metallic/Super White/ Attitude Black Mica / Red Mica Metallic) พร้อมสีภายในให้เลือกสองสี (สีดำในทุกรุ่น และสีเบจเฉพาะในรุ่น G และ E)

รุ่น S AT  635,000 บาท**, รุ่น G AT 609,000 บาท**, รุ่น E AT 559,000 บาท**, รุ่น J AT 529,000 บาท** และ รุ่น J ECO AT 479,000 บาท** **ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ

IMG_2805

New YARIS ล่าสุดกับยาริส แฮทช์แบ็ก รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัยไม่ซ้ำใครทั้งภายนอกและภายใน เน้นความกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน อีกทั้งยังเงียบและนุ่มนวลด้วยการเพิ่มวัสดุซับ เสียงรบกวนรอบคัน เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยระดับสูงสุดเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น เลือกเป็นเจ้าของ ยาริส ใหม่ 4 รุ่น และ 7 สี (Citrus Mica Metallic / Orange Metallic/ Red Mica Metallic/ Super White/ Silver Metallic / Gray Metallic/ Attitude Black Mica)

รุ่น G AT 619,000 บาท**,รุ่น E AT  569,000 บาท**,รุ่น J AT  539,000 บาท** และ J ECO AT 489,000 บาท**

IMG_2797

ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่ ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่ง ดุดัน ให้มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ใหม่ของกันชนหน้า กระจังหน้าแบบโครเมียมและสีดำเงา และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา สอดรับกับสีภายในห้องโดยสารใหม่โทนสีดำ ที่มาพร้อมพลังเครื่องยนต์เต็มพิกัด GD Efficient Boostเครื่องยนต์เจเนอเรชั่นล่าสุดที่ให้แรงบิดสูงที่รอบต่ำตลอดจนอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆที่มีการปรับเพิ่มให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน

toyota revo (1)

ไฮลักซ์ รีโว่ ร็อคโค่ (ROCCO) รุ่นตกแต่งพิเศษ อีกขั้นแห่งการขับขี่สะท้อนความแกร่งดุจหินผากับชีวิตที่ท้าทาย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถกระบะที่มีดีไซน์ที่ แตกต่างและโดดเด่นเหนือระดับ เปี่ยมด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่งเกินนิยาม สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ที่มีความโดดเด่นเหนือใครและรักการผจญภัย พร้อมที่จะลุยฝ่าไปในทุกเส้นทาง มาพร้อมเอกลักษณ์และความโดดเด่นของการออกแบบที่ดุดัน ด้วยชุดแต่งพิเศษรอบคัน ทั้งภายนอกและภายในที่แตกต่างจากรุ่นธรรมดา พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ปี 2560 มีทั้งหมด 48 รุ่น ราคา 516,000-1,199,000 บาท

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไปอีกขั้น โตโยต้าได้พัฒนาระบบ Toyota T-Connect Telematics ที่เชื่อมต่อรถยนต์กับแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และ Apple Watch เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีฟังก์ชั่นใหม่ที่จะเพิ่มความมั่นใจและสะดวกสบาย ดังนี้

– Find my Car Application : แอปพลิเคชั่นที่ให้คุณตรวจสอบตำแหน่งของคุณได้ทุกเวลา

– Parking Alert : บริการแจ้งเตือนเมื่อรถยนต์ถูกสตาร์ท หรือเคลื่อนที่ออกจากจุดจอด

– Stolen Vehicle Tracking : บริการแจ้งตำแหน่งรถของคุณกรณีถูกโจรกรรม

– Pay As You Drive (ประกันภัย ขับน้อย จ่ายน้อย): อีกขั้นของเทคโนโลยีที่จะทำให้คุณสบายกระเป๋า ด้วยส่วนลดประกันภัยตามการใช้งานรถยนต์

– My Message : กล่องรับข่าวสารแจ้งเตือนการเข้านำรถเข้ารับการบำรุงรักษา  โปรโมชั่น รวมถึงส่วนลด ต่างๆ สำหรับลูกค้าโตโยต้า

Toyota T-Connect Telematics นี้สามารถใช้งานได้จริงแล้ว โดยทางโตโยต้าจะทำการติดตั้งในรถยนต์ Fortuner และจำหน่ายในงาน  Motor Expo นี้เท่านั้น  อีกทั้งจะติดตั้งในรถยนต์ C-HR รวมถึงรถยนต์โตโยต้าอีกหลายรุ่นตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2561 และนี่เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทางโตโยต้ามุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ลูกค้าของเราทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

พบข้อเสนอสุดพิเศษ

– เอทีฟ และ ยาริส (รุ่นปรับปรุงโฉมปี 60)  อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน

– คัมรี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน หรือ ประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care)

– คัมรี ไฮบริด อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน หรือ ประกันภัยชั้น 1  (Exclusive Toyota Care) พร้อมรับรองการใช้งานแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

– อัลติส 1.8 ลิตร อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน หรือประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care)

– วีออส *ผ่อนสบายเริ่มต้น 5,500 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care) หรืออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89%  เมื่อดาวน์ 25%  ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน

– อแวนซา,อินโนวาคริสต้า, เซียนต้า และฟอร์จูนเนอร์ (รุ่นปรับปรุงปี 60) อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน

– ฟอร์จูนเนอร์ รุ่นปัจจุบันปี 58 และรุ่นปรับปรุงปี 59 เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ฟรีประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care)

– ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงปี 60 ดาวน์ต่ำ 27,600 บาท หรือ โปรแกรมสบายดี* ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,999 บาท ผ่อนนาน 60 เดือน เมื่อดาวน์ 172,997 บาท พร้อมรับ ประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care) หรือ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89%  เมื่อดาวน์ 25%  ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน

– ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับโฉมใหม่ และรุ่นตกแต่งพิเศษ ทุกรุ่น *ฟรีประกันภัยชั้น 1 โตโยต้าแคร์

คุ้มจัดหนัก ชัวร์จัดให้ ส่งท้ายปี” ซื้อรถใช้แล้ว หรือ แลกเปลี่ยนเป็นรถใหม่ ก็คุ้มค่ากับข้อเสนอสุดพิเศษ จากโตโยต้า ชัวร์

– ข้อเสนอพิเศษสาหรับลูกค้าซื้อรถใช้แล้ว ลุ้นส่วนลดพิเศษสูงสุด 100,000 บาท, ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 2.79% หรือ ผ่อนนานสูงสุด 72 งวด, ดาวน์เริ่มต้น 0%, ฟรีประกันภัย, ฟรีกล้องติดหน้ารถยนต์, พิเศษ! รถใช้แล้วไฮบริด รับประกันแบตฯ ไฮบริด เพิ่ม 5 ปี พร้อมกิจกรรมพิเศษ ตามคำเรียกร้อง กับ ‘กิจกรรมประมูลรถจัดแสดง เลขไมล์ น้อย’ ในราคาพิเศษ      ทุกวัน 12 วัน 18 คัน

– ข้อเสนอพิเศษสาหรับลูกค้าแลกเปลี่ยนรถใหม่ ลุ้นเพิ่มมูลค่ารถคันเก่าสูงสุด 100,000 บาท ฟรี บริการประเมินราคารถ พร้อมรับบัตรกำนัล Big C และข้อเสนอพิเศษในการออกรถโตโยต้าป้ายแดงคันใหม่

IMG_2781toyota chr (1)IMG_2816 IMG_2805 IMG_2797 IMG_2784toyota revo (3) toyota revo (4) toyota revo (5) toyota revo (6) toyota revo (7) toyota revo (8) toyota revo (9) toyota revo (14) toyota revo (10) toyota revo (11) toyota revo (12) toyota revo (13) toyota revo (15)


สวยเว่อร์!!! เปิดตัว “1972 AMC Javelin AMX”รถคลาสสิกสุดสวยในงานอย่าง SEMA Auto Show

$
0
0

สวยเว่อร์!!! เปิดตัว “1972 AMC Javelin AMX” รถคลาสสิกสุดสวยในงานอย่าง SEMA Auto Show
AMC-Javelin
ค่ายแต่งรถรุ่นใหญ่อย่าง Ringbrothers และ Prestone นั้นล่าสุดได้ร่วมมือกันแล้วในการเปิดตัวรถแบบ 1972 AMC Javelin AMX รุ่นสุดคลาสสิกคืนชีพกลับมาใหม่อย่างสวยงามในชื่อเรียกว่า “Defiant!” รับรองว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก

โดยรถแบบใหม่ล่าสุดนั้นจะเปิดตัวในงานใหญ่อย่าง SEMA Auto Show ในรัฐ Las Vegas ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมันถูกออกแบบโดยนักออกแบบดีไซน์ชื่อดังอย่าง Jim และ Mike Ring ที่พวกเขาเคลมว่ามันจะเป็นรถแบบ “สุดยอดน่าสนใจ” ที่สุดสำหรับรถคลาสสิกในงานนี้

สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์นั้นมันจะใช้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 4.5 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จ (Whipple supercharger) พร้อมระบบสับดาบเครื่องยนต์จุดระเบิดแบบ Holley Dominator แทนที่เครื่องยนต์แบบเดิมขนาด 6.2 ลิตรแบบ Hellcat V8 engine (เบนซิน) ทำให้มันมีกำลังทั้งสิ้น 1,036 แรงม้า (772 kW)

ส่วนระบบเกียร์นั้นมันจะยกใหม่หมดเป็นระบบเกียร์แบบอัตโนมัติของทาง Bowler ส่งกำลังด้วยการขับเคลื่อนล้อหลัง (rear-wheels) พร้อมทั้งใช้ชิ้นส่วนบางอันเป็นวัสดุที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber) สำหรับทำให้มันน้ำหนักเบาและวิ่งได้เร็วขึ้น

123456

โอ๊ยเจ๋งอะ !! รถแบบ “Ford F-150 Raptor”รุ่นใหม่ถูกส่งลงเกมอย่าง “Forza 7″แล้ว

$
0
0

โอ๊ยเจ๋งอะ !! รถแบบ “Ford F-150 Raptor” รุ่นใหม่ถูกส่งลงเกมอย่าง “Forza 7” แล้ว
fordza_raptor
ยินดีด้วยนะจ๊ะสำหรับแฟนเกมรถชื่อดังอย่าง Forza Motorsport 7 ทั่วโลก หลังจากล่าสุดนั้นทีมงานของพวกเขาได้บรรจุแบบ Ford F-150 Raptor รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวชุดแต่งโดยทางทีมงานของ Ford Performance เข้ามาสำหรับเกมโดยเฉพาะ โดยจะเปิดตัวในเครื่องเล่นเกมอย่าง Xbox One X

นอกจากรถแบบ Ford F-150 Raptor ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้นเกมเมอร์ยังจะได้สัมผัสรถอื่นๆ จากทางทีมงานของ Ford Performance เพิ่มขึ้นอีก ได้แก่ รถอย่าง Fiesta ST, Focus RS, Mustang GT 350, F-150 Raptor และ Ford GT เป็นต้นเล่นเกมแบบจุใจไปเลย

กล่าวย้อนไปถึงรถแบบ Ford F-150 Raptor ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานอย่าง SEMA Auto Show ในรัฐ Las Vegas นั้นจะมีชื่อชุดแต่งว่า “Ford F-150 Raptor Xbox One X Edition” มาพร้อมกับลายกราฟฟิกสุดสวยงาม, ระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตมากกว่าเดิม, ระบบเบรคแบบใหม่, ระบบระบายความร้อนแบบ Intercooler และท่อไอเสียแบบสปอร์ต

ส่วนรถอื่นๆนั้นทางทีมงานของ Forza 7 นั้นเปิดให้ดาวโหลดกันเลยฟรีๆ ซึ่งรายละเอียดเราจะนำมาให้แฟนๆ เกมและแฟนๆ รถของ Ford ได้ทราบกันอีกครั้ง

1

มาแล้ววววว …เปิดตัวราคาขาย Honda Civic Type R รุ่น 2018 ในประเทศสหรัฐอเมริกา

$
0
0

มาแล้ววววว … เปิดตัวราคาขาย Honda Civic Type R รุ่น 2018 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
Honda-Civic-Type-R
ในที่สุดรถรุ่นยอดนิยมอย่าง Honda Civic Type R รุ่นโฉมปี 2018 model นั้นก็ได้เปิดตัวออกมาแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทาง Honda ก็ได้เปิดตัวราคาขายออกมาแล้วอย่างเป็นทางการที่ราคาทั้งสิ้น 34,100 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าไม่แพงอย่างที่คิด

แต่อย่างก็ตาม “Civic Type R 2018” นั้นก็ยังคงมีราคาแพงกว่ารถแบบปีที่แล้วอยู่ประมาณ 200 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยประมาณ แต่อุปกรณ์ต่างๆก็เพิ่มมาอย่างครบครัน เช่น ไฟหน้าแบบ LED ที่แต่งออกมาแบบสปอร์ตมากกว่าปกติ, ปีกขนาดใหญ่ทางด้านหลัง, ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ตเต็มรูปแบบ รวมไปถึงระบบเบรคจากทาง Brembo

ต่อมาเป็นภายในนั้จะมาพร้อมกับพวงมาลัยแบบสปอร์ตแต่งแบบ 2 โทนสี (Two-Tone) พร้อมระบบปรับอากาศภายในแบบอัตโนมัติ (automatic climate control system), ระบบเครื่องเสียง Display Audio system พร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้วและปิดท้ายด้วยระบบ Android Auto และ Apple CarPlay

ระบบเครื่องยนต์นั้นจะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรแบบเทอร์โบชาร์จ (turbocharged) ขนาด 4 สูบ ให้กำลังทั้งสิ้น 306 แรงม้า (228 kW) และแรงบิดสูงสุดทั้งสิ้น 295 ปอนด์/ฟุต พร้อมระบบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบต่างๆที่อัดมาแน่นทั้งระบบ

ปิดท้ายด้วยรุ่นย่อยต่างๆ ได้แก่ comfort, sport และ +R settings ที่แตกต่างไปตามความสามารถ, เทคโนโลยีระดับสูงและชุดแต่งต่างๆ

12345678

น้ำลายหยด …พาชมความงามของรถสปอร์ตแบบ Lamborghini Aventador 2014 ที่สุดของยุคนี้

$
0
0

น้ำลายหยด … พาชมความงามของรถสปอร์ตแบบ Lamborghini Aventador 2014 ที่สุดของยุคนี้
Lamborghini-Aventador-For-Sale-
ล่าสุดนั้นได้มีการเปิดตัวรถสปอร์ตแบบ “2014 Lamborghini Aventador LP720-4 50th Anniversario” รถสปอร์ตแบบแต่งสุดหายากเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลีอย่าง Lamborghini เอง

ก่อนหน้านี้รถสปอร์ตแบบรุ่นพิเศษอย่าง Lamborghini’s 50th anniversary ที่เปิดตัวในปี 2013 ในจำนวน 100 คันนั้นได้รับผลตอบรับอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นหายากมากเพราะปกติแล้วพวกเขาผลิตรถอื่นๆ ประมาณ 1,100 คัน (รถแบบ Aventador SV และ Aventador SV Roadsters)

สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้จะถูกจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่าง Lamborghini Dallas ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมันมาพร้อมกับออฟชั่นแบบจัดเต็ม เช่น ระบบนำทางแบบ GPS, กล้องหน้าและหลัง, การตกแต่งภายในด้วยคาร์บอนไฟเบอร์หรูหรา และเบาะหนังสีดำแบบสปอร์ตทั้งคัน

ในส่วนของราคาขายของเจ้ารถแบบ “2014 Lamborghini Aventador LP720-4 50th Anniversario” นั้นอยู่ที่ประมาณ 439,999 ดอลล่าร์สหรัฐซึ่งน้อยกว่ารถแบบ 2018 Aventador S เสียอีก

1234567891011121314

อย่างคุ้มอะ! เผยแบรนด์ MG เตรียมเปิดตัว “ZS compact SUV”รับประกันงานซ่อม 7 ปี

$
0
0

อย่างคุ้มอะ! เผยแบรนด์ MG เตรียมเปิดตัว “ZS compact SUV” รับประกันงานซ่อม 7 ปี
mg-zs-7-year-warranty-uk
MG แบรนด์รถน้องใหม่จากเครือสหราชอาณาจักรนั้นล่าสุดได้มาพร้อมกับการเปิดตัวรถแบบ “ZS compact SUV” รุ่นใหม่แล้วในแบบ SUV ขนาดใหญ่ โดยพวกเขาเปิดเผยว่ารถแบบใหม่ของพวกเขานั้นจะมาพร้อมกับการรับประกันการใช้งานมากถึง 7 ปี !!! เลยทีเดียว

เป็นที่แน่นอนแล้วว่ารถแบบ MG ZS compact SUV นั้นจะได้รับการประกันถึง 7 ปี หรือที่ 80,000 ไมล์ (128,747 กิโลเมตร) ซึ่งทั้งหมดครอบคลุมการเปลี่ยนอะไหล่ของทางทีมงาน MG เป็นของแท้ทั้งหมด และการบริการงานซ่อมตลอดอายุการใข้งาน 7 ปีแรกด้วย

“แน่นอนว่าแบรนด์ MG ของพวกเรากำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องสำหรับการสร้างความไว้ใจของลูกค้า ซึ่งการรับประกันทั้งสิ้น 7 ปีนั้นจะทำให้ลูกค้าของเรามั่นใจได้ว่ารถของเรานั้นเป็นรถที่เชื่อถือได้และมีความทนทานในการใช้งานจริง” Matthew Cheyne หัวหน้าทีมงานของ MG ประจำสหราชอาณาจักรเผย

โดยรถแบบ ZS compact SUV นั้นจะเปิดตัวที่ราคาขายประมาณ 12,495 ปอนด์โดยประมาณ โดยโครงการรับประกันนี้จะมาทั้งในรุ่นย่อยอย่าง Explore, Excite และ Exclusive ซึ่งจะเริ่มต้นในโชว์รูมของพวกเขาเลย

23415

GROUP TEST! ALL NEW MAZDA CX-5 ขับสนุก ลุกนั่งสบาย ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

$
0
0

GROUP TEST! ALL NEW MAZDA CX-5 ขับสนุก ลุกนั่งสบาย ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

CX5-3071

นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่รุกตลาด SUV ในไทยอย่างต่อเนื่องสำหรับมาสด้า ล่าสุดหลังจากเปิดตัว ‘NEW MAZDA CX-5’ ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถัดมาอีกสัปดาห์มีการจัดกิจกรรมให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบ เพื่อสัมผัสกับสมรรถนะที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมเทคโนโลยีช่วยขับและระบบความปลอดภัยทันสมัยมากมาย ที่อัดแน่นอยู่ใน CX-5 เจเนอเรชั่น 2

CX5-3087หลังจากมาสด้าได้เปิดตัวทำตลาดเอสยูวี CX-5 เจนฯ แรก ในช่วงปี 2555 ภายใต้แนวทางการออกแบบและพัฒนาแบบ KODO DESIGN ที่ผสมผสานกับ SKYACTIV TECHNOLOGY นับว่าเรียกกระแสความนิยมและคำยกย่องจากกลุ่มผู้ใช้ทั่วโลกได้อย่างล้นหลาม โดยเฉพาะเป็นการออกแบบที่ตอบสนองต่อความรู้สึก และสมรรถนะที่ขับได้สนุกเร้าใจ รวมถึงมีระบบความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม และสิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดเจนคือ ยอดขายจนถึงปัจจุบันนั้นมีจำนวนมากถึง 1.5 ล้านคัน ในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก

CX5-1067 Skyactiv Dมาสด้าต่อยอดความสำเร็จอีกขั้น สำหรับ ALL-NEW CX-5 โดยยังคงใช้แนวทางการพัฒนาแบบ ‘KODO DESIGN’ Soul of Motion เช่นเดิม แต่เป็นเจเนอเรชั่นที่ใหม่กว่า โดยทีมพัฒนามีเป้าหมายคือมุ่งเน้นไปที่ ‘สุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น’ ซึ่งเริ่มต้นด้วยรูปแบบอันเรียบง่ายปราศจากชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นมากนัก เฉกเช่นงานหัตถกรรมแบบญี่ปุ่น ภายใต้หลักการ ‘ความแข็งแกร่งอันประณีต’ ถ่ายทอดเป็น SUV ที่มีรูปทรงความภูมิฐาน รูปทรงอันสง่างาม และคุณภาพการประกอบที่ดีเยี่ยม เป็นเสาหลักในการออกแบบภายนอกและภายในของรถรุ่นนี้

ALL-NEW MAZDA CX-5 ทำตลาด 5 รุ่น 2 เครื่องยนต์ โดย SKYACTIV-G 2.0 (เบนซิน) แบ่งเป็น 3 เกรด 2.0C ราคา 1,290,000 บาท, 2.0S (ล้อ 17 นิ้ว) 1,400,000 บาท และ 2.0SP (ขับเคลื่อน 2WD ล้อ 19 นิ้ว) 1,530,000 บาท ส่วน SKYACTIV-D 2.2 (ดีเซล) มี 2 เกรด 2.2XD (ขับเคลื่อน 2 ล้อ 19 นิ้ว) 1,560,000 บาท และ 2.2XDL (i-Active ขับเคลื่อน 4WD/ซันรูฟ) 1,770,000 บาท

CX5-3018

ในเชิงวิศวกรรม ALL-NEW MAZDA CX-5 ได้ถูกออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงและถ่ายทอดภาพลักษณ์ของลำตัวรถทั้งหมดที่ยึดจับถนนอย่างดี ช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ทรงพลังมากขึ้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีขนาดกว้างขึ้น 10 มม. และยางได้ถูกวางตำแหน่งให้อยู่ใกล้กับมุมด้านนอกมากที่สุด ขณะที่โครงสร้างโดยรวมได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ยางหน้าและหลังรองรับตัวถังได้อย่างเต็มที่ ที่ด้านหน้า เสาเอถูกปรับตำแหน่งไปด้านหลังประมาณ 35 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เพื่อขยายการมองเห็นของผู้ขับขี่ไปทางด้านขวาและซ้ายในขณะที่กระจกด้านนอกใหม่ที่เล็กกว่าเดิมจะเพิ่มระยะห่างระหว่างกระจกและเสาเอ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในแนวทแยงมุมเมื่อเลี้ยว ความยาวของลำตัวรถจรดด้านหลังด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ขยายยื่นออกมาจากประตูยกด้านหลังไปสู่ยางหลังแต่ละด้าน

CX5-3007มาสด้าได้พัฒนาแนวคิดของส่วนหน้ารถที่มีตราสัญลักษณ์ของมาสด้า หน้ารถได้ถูกปรับให้ต่ำลงและกว้างขึ้น โคมไฟหน้าได้ถูกปรับให้ต่ำลงและมีขนาดที่บางลง และปีกสัญลักษณ์ที่เน้นความกว้างโดยการกางออกเต็มหน้ารถโดยมีปลายที่ขยายไปต่ำกว่าไฟหน้ารถ และมีไฟตัดหมอก LED ที่บางและยาวให้ความรู้สึกของการไหลด้านข้าง ส่วนของกระจังหน้าใช้รูปแบบ 3 มิติ Signature Wing IIIumination ทั้งหมดนี้รวมกับปีกสัญลักษณ์ที่เหมือนแกะสลักเพิ่มความลึกและการแสดงออกที่โดดเด่นยิ่งขึ้นทำให้หน้ารถดูสปอร์ตขึ้น

CX5-3017

มิติตัวถัง ยาวรวม 4,550 มม. (รุ่นก่อนหน้า 4,540 มม.) กว้างรวม 1,840 มม. สูงรวม 1,860 มม. (รุ่นก่อนหน้า 1,710 มม.) ระยะฐานล้อ 2,700 มม. ความกว้างล้อหน้า 1,595 มม. (รุ่นก่อนหน้า 1,585 มม.) ความกว้างล้อหลัง 1,595 มม. (รุ่นก่อนหน้า 1,590 มม). รัศมีเลี้ยวแคบสุด 5.5 ม.

CX5-1084สำหรับการตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้น มุ่งเป้าไปสู่บรรยากาศที่คำนึงถึงผู้โดยสารเป็นหลัก มาสด้าได้คำนึงถึงรูปแบบขององค์ประกอบทุกส่วนที่ล้อมรอบผู้โดยสารเพื่อสร้างรูปแบบพื้นฐานที่ให้ความรู้สึกอันน่าพึงพอใจและให้ความสะดวกสบายแก่ทุกคนที่โดยสารในรถ นอกจากนี่ทีมออกแบบได้ออกแบบการตกแต่งภายในที่แสดงถึงทั้งความทนทานและคุณภาพของรถเอสยูวี และยังให้ความสำคัญกับความพอดีและความสมบูรณ์ของทุกรายละเอียด

CX5-2091จอแสดงผลข้อมูลมัลติมีเดีย (MID) ทางด้านขวาของแผงหน้าปัดใช้จอแสดงผลแอลซีดีทีเอฟที (LCD-TFT) แบบมีสีขนาด 4.6 นิ้ว ความละเอียดสูง พร้อมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อการใช้งานที่รวดเร็วและง่ายดาย ไฟแสดงการทำงานตามปกติทั้งหมดใช้สีเขียวอมชมพูแบบเดียวกัน และการวางตำแหน่งอย่างสมมาตรด้านซ้ายขวายังช่วยเพิ่มความง่ายในการมอง

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ (Active Driving Display) จะแสดงผลข้อมูลบนกระจกหน้ารถเช่นเดียวกับใน CX-9 การวางตำแหน่งหน้าจอแสดงผลเหนือมาตรวัดบนหน้าปัดจะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดการละสายตาและการปรับโฟกัสให้น้อยที่สุด ข้อมูลที่แสดงจะแบ่งออกเป็นโซนด้านบนและด้านล่าง ข้อมูลสภาพแวดล้อมในการขับขี่รวมถึงทิศทางของระบบนำทาง ข้อมูลเส้นทางจะปรากฏในส่วนบน ข้อมูลสถานะยานพาหนะรวมถึงความเร็วรถปัจจุบันและข้อมูลอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูงจะปรากฏขึ้นที่ส่วนล่าง ทำให้สามารถอ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น และเป็นมาสด้ารุ่นแรกที่นำเอาเทคโนโลยี optical bonding มาใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างจอ LED และระบบสัมผัส เป็นการช่วยลดการสะท้อนและแสดงภาพได้อย่างชัดเจน การติดตั้งจอแสดงผลที่ด้านบนของแผงหน้าปัดแทนตรงแผงกลางจะลดมุมมองต่ำลงจาก 23 องศา เป็น 15 องศา และทำให้มีส่วนช่วยลดการละสายตาของคนขับตอนขับรถ

CX5-1001 MZD Connect ช่วยให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและบริการเครือข่ายทางสังคมได้ง่ายขึ้นเมื่ออยู่ในรถ นอกเหนือจากฟังก์ชั่นเสียงแล้วยังสนับสนุนการเชื่อมต่อ Bluetooth® สำหรับการใช้งานโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี ระบบ AHA™ จาก HARMAN เป็นฟังก์ชั่นการสื่อสารที่ประกอบไปด้วย Twitter และเนื้อหาเว็บอื่น ๆ รวมทั้งฟังก์ชั่นการนำทางที่ใช้ข้อมูลจาก SD การ์ด ซึ่งสามารถติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ในภายหลัง

CX5-2097 เบาะนั่งและชิ้นส่วนตกแต่งผสมผสานความแข็งแกร่งแบบเอสยูวีที่มีคุณภาพดี เบาะนั่งมีความหนาและปรับได้ด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ขณะเดียวกันชิ้นส่วนที่สัมผัสโดยตรงกับมือของผู้โดยสาร รวมไปถึงแผงหน้าปัดและการตกแต่งประตูใช้วัสดุที่เรียบและให้ความหนาเพียงพอ สำหรับแป้นเหยียบและพวงมาลัยถูกจัดวางไว้ในลักษณะเมื่อคนขับนั่งแล้ว แป้นเหยียบอยู่ในตำแหน่งที่เท้าวางลงเป็นไปตามธรรมชาติและพวงมาลัยเป็นที่ที่คนขับยืดแขนออกไปตามธรรมชาติ คอนโซลกลางถูกยกให้สูงขึ้นและคันเกียร์สูงกว่ารุ่นปัจจุบัน 60 มม.

CX5-1081บาะที่นั่งด้านหน้าโอบกระชับรองรับเอวและลำตัวส่วนบน โดยชั้นรองรับที่ใช้กับพนักพิงหลัง มีพื้นที่กว้างให้กระจายแรงจากแผ่นหลังของร่างกายและโอบรองรับพอดีกับร่างกายส่วนบนของผู้โดยสาร การเพิ่มความแข็งแรงให้กับแต่ละส่วนของเบาะพนักพิงหลังและส่วนรองรับเอวและด้านหลังยังทำหน้าที่ในการลดการโยกซ้ายขวาของส่วนบนและการเคลื่อนไหวของศีรษะ ส่วนเบาะที่นั่งด้านหลังมีการตั้งค่าพื้นฐานสำหรับมุมของลำตัวเพิ่มขึ้น 2 องศา เพิ่มขึ้นจากรุ่นปัจจุบันเป็น 24 องศา เพื่อให้ผู้นั่งเบาะหลังสามารถนั่งในท่าทางที่สะดวกสบายขึ้น

CX5-1080

CX5-1075นอกจากนี้ ALL-NEW MAZDA CX-5 ยังเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้กลไกการพับพนักพิงสองจังหวะ เพื่อให้พนักพิงหลังของเบาะหลังเอนไปอยู่ที่ 28 องศา ช่วยให้ผู้โดยสารที่มีร่างเล็กสามารถวางเท้าบนพื้นได้อย่างสะดวกสบาย ตำแหน่งสะโพกของเบาะนั่งด้านหลังต่ำลง 14 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน อย่างก็ตามในส่วนของตัวเบาะอาจสั้นไปนิดทำให้ท้องขวาล้นออกมาจากตัวเบาะ เมื่อนั่งในระยะทางก็อาจส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้อได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มให้ความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยช่องแอร์สำหรับเบาะด้านหลัง รวมทั้งเบาะนั่งที่แยกแบบพับได้ 40:20:40 เป็นมาตรฐานสำหรับทุกรุ่นย่อย

CX5-1076ด้านท้ายมีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดความจุ 505 ลิตร (ตามมาตรฐาน DIN พร้อมบริเวณเก็บของขนาดเล็ก) สามารถรองรับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ (72 ซม.) ได้ถึง 3 ใบหรือถุงกอล์ฟได้ 4 ถุง นับว่าใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบันที่มีขนาดความจุ 500 ลิตร (ตามมาตรฐาน DIN พร้อมบริเวณเก็บของขนาดเล็ก)

CX5-1006นอกจากนี้ยังมีประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ใช้ตัวหน่วงกันกระแทกลดเสียงน้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัด รวมทั้งสามารถเปิด-ปิดประตูด้วยปุ่มบนกุญแจ และสามารถตั้งค่าระดับการเปิดประตูสูงสุดได้จากสวิตช์บนประตูหลัง  เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนติดอยู่ในประตูหลัง เซ็นเซอร์แบบสัมผัสได้ถูกติดตั้งอยู่ด้านในซ้ายและขวาของประตูหลัง

CX5-1088ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมของ Bose® ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยมาสด้า และ Bose ระบบลำโพง 10 ตัวนี้ มีขนาด 165 มิลลิเมตร ที่ประตูด้านหน้า และลำโพงด้านหลังขนาด 130 มิลลิเมตร และทวีตเตอร์เสียงแหลมแบบโดมขนาด 25 มิลลิเมตร ที่เสาเอ กล่องเสียงเบส ลำโพงเสียงกลางขนาด 80 มิลลิเมตร วางที่ตรงกลางคอนโซล และลำโพงเสียงกลางขนาด 60 มิลลิเมตร ที่ด้านบนของเสาซี รวมถึงระบบชดเชยเสียงรบกวนรอบตัว AudioPilot ™ 2 ของ Bose และระบบเสียงเซอร์ราวด์ Centrepoint®2 ทำให้ได้เสียงที่มีความชัดเจนและมีความดังตลอดช่วงเสียง

เครื่องยนต์ 2 ทางเลือก คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 และเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรง SKYACTIV-G 2.0 ทั้ง 2 บล็อคจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV-DRIVE โดยในรุ่นท็อปของขุมพลังดีเซล (XDL) มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ i-ACTIV AWD รุ่นใหม่

CX5-1022 Skyactivเครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร 129 กิโลวัตต์ (175 PS) ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที มีการพัฒนาเทคโนโลยีหลายๆ จุด เช่น หัวฉีดแบบหลายรูช่วยให้สามารถฉีดน้ำมันได้อย่างแม่นยำ และมีลูกสูบร่องรูปไข่ช่วยรักษาสภาวะการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ เพื่อให้ได้อัตราส่วนกำลังอัด 14.0:1 (ต่ำที่สุดในโลก)

พร้อม 3 เทคโนโลยีใหม่ถูกนำมาใช้กับ ALL-NEW MAZDA CX-5 ครั้งแรก คือ ระบบควบคุมแรงดันบูสต์เทอร์โบ (High-Precision DE Boost Control) ช่วยให้สามารถควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยการควบคุมแรงดันบูสต์ให้เหมาะสมและปรับการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้ละเอียดขึ้น  เครื่องยนต์ตอบสนองได้ทันทีและแม่นยำต่อการทำงานของคันเร่งที่ความเร็วรอบต่ำ, ระบบปรับเสียงธรรมชาติ (Natural Sound Smoother) โดยติดตั้งตัวหน่วงในสลักลูกสูบแต่ละลูกซึ่งช่วยลดการน็อคของเครื่องยนต์ ตัวหน่วงหักล้างการสั่นสะเทือนของลูกสูบที่เกิดจากการเคลื่อนที่ในแนวดิ่งของก้านสูบขณะเผาไหม้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการน็อคในเครื่องยนต์ดีเซลในบริเวณใกล้เคียงกับช่วงความถี่ 3.5 กิโลเฮิรตซ์ และระบบควบคุมความถี่เสียงธรรมชาติ (Natural Sound Frequency Control) โดยเสียงน็อคจากเครื่องยนต์เกิดขึ้นที่หรือใกล้เคียงกับความถี่ 1.3 กิโลเฮิรตซ์ 1.7 กิโลเฮิรตซ์ และ 2.5 กิโลเฮิรตซ์ จะถูกขยายโดยความถี่สูงสุดของแรงสั่นสะเทือนจากการเผาไหม้และชิ้นส่วนที่สั่นพ้อง การควบคุมจังหวะการฉีดและการเผาไหม้ที่เพิ่มขึ้นทีละ 0.1 มิลลิวินาที และทำให้เกิดการทับซ้อนกันของความถี่ด้านลบของแรงสั่นสะเทือนของการเผาไหม้ที่มีความถี่สูงสุดของชิ้นส่วนสั่นพ้องทำให้สามารถหักล้างการสั่นสะเทือนของแต่ละชิ้นและลดการน็อคได้

CX5-1020 Skyactiv DSKYACTIV-G เป็นรุ่นของเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร เบนซินแบบฉีดตรง ใช้ลูกสูบแบบมีโพรงซึ่งช่วยลดการสูญเสียความร้อน หัวฉีดแบบหลายรูทำให้เกิดส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศที่สม่ำเสมอ และระบบไอเสีย 4-2-1 ซึ่งช่วยลดความต้านทานไอเสียและช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพ อัตราส่วนการอัด 14.0:1 กำลังสูงสุด 121 กิโลวัตต์ (165 PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV-DRIVE โดยจะเลือกใช้รูปแบบการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ใหม่ที่ทำนายพฤติกรรมของผู้ขับขี่บนพื้นฐานของความเร็วรถ ตำแหน่งคันเร่ง รอบเครื่องยนต์และปัจจัยอื่นๆ แทนการใช้กลไกการเปลี่ยนเกียร์แบบเดิม ลดการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่จำเป็นเมื่อเร่งออกจากโค้ง รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง E85

ทดสอบขับกันแบบยาวๆ 2 วัน อุบลฯ-กรุงเทพฯ รวม 933 กม.

CX5-3023สำหรับกิจกรรมการทดสอบแบ่งเป็น 3 ทริป เริ่มต้นจากเชียงราย-อุดรธานี, กลุ่ม 2 อุดรธานี-อุบลราชธานี และกลุ่มสุดท้ายอุบลราชธานี-กรุงเทพฯ โดย 9Carthai จัดให้อยู่ในกลุ่มสุดท้ายรับไม้ต่อจากกลุ่ม 2 โดยวันแรกสตาร์ทจากตัวเมืองอุบลฯ  เป้าหมายคือจังหวัดสระแก้ว สำหรับรถ CX-5 ที่ทางมาสด้าเตรียมไว้ให้สื่อมวลชนทดสอบมีทั้งหมด 12 คัน คันที่ 1-6 เป็นรุ่นคลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ส่วนคันที่ 7-12 เป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรง SKYACTIV-G 2.0

CX5-30659Carthai ได้เริ่มต้นขับที่รุ่นเครื่องยนต์ SKYACTIV-D 2.2 ตัวลองท็อปก่อน (ไม่มีซันรูฟ ขับเคลื่อน 2 ล้อ) โดยเดินทางกันเป็นขบวนมีรถทีมงานนำและรถ Staff ปิดท้าย ใช้เส้นทางจากอุบลฯ ผ่านเขตจังหวัดศรีษะเกษ-จังหวัดสุรินทร์-อำเภอปราสาท-อำเภอประโคนชัย-อำเภอนางรองจังหวัดบุรีรัมย์-อำเภอตาพระยา ก่อนจบวันแรกที่จังหวัดสระแก้ว รวมระยะทาง 700 กม.

การทดสอบส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นทางสายรอง 2 เลนสวนตัดสลับ 4 เลนมีเกาะกลางเป็นระยะเมื่อผ่านเขตชุมชน โดยสิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อได้อยู่บนรถในตำแหน่งผู้ขับ คือ ทัศนะวิสัยในการมองค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน มุมอับสายตาลดลงเมื่อเทียบจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งเป็นผลจากการออกแบบให้เสาเอถูกปรับตำแหน่งไปด้านหลัง อีกหนึ่งที่ต้องชมเชยคือ เสียงรบกวนจากภายนอกไม่ว่าจากเครื่องยนต์ เสียงลม หรือเสียงจากยางและถนน เล็ดรอดเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก เรียกว่าสามารถคุยกับเพื่อนร่วมทางในรถได้อย่างสบายๆ แบบไม่ต้องตะโกนหรือถามซ้ำ

ส่วนไฮไลต์ที่ผู้ขับชอบเป็นการส่วนตัวคือ หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ (Windshield Active Driving Display) ซึ่งแสดงทั้งความเร็วหรือป้ายเตือนจำกัดความเร็วในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน ที่สำคัญยังสามารถปรับระดับความสูง-ต่ำ หรือปรับความสว่างได้แบบอัตโนมัติ-แบบแมนนวลตามระดับตามที่สายตามองเห็นชัดก็ได้ ซึ่งแรกๆ อาจจะรู้สึกว่าขัดๆ ตาอยู่บ้างเหมือนมีอะไรมาบดบังสายตา แต่พอขับไปสักระยะก็รู้สึกว่าเคยชิน ช่วยให้ไม่ต้องเหลือบลงมามองที่หน้าปัดซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

CX5-1079

ขับไปเกือบครึ่งทางเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ขับมานั่งในแถวหลังกันบ้าง เพื่อพิสูจน์จุดขายที่ว่ากันว่าได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อผู้โดยสารในหลายๆ จุด ซึ่งสิ่งที่รู้สึกได้คือความกว้างทั้งส่วนของพื้นที่วางขา-ระยะยื่นของหัวเข่ามีค่อนข้างเหลือเฟือ รวมทั้งพนักพิงที่ปรับระดับความเอียงได้ 1 ระดับ ก็ช่วยเพิ่มความสบายได้ไม่น้อย อย่างไรก็ดีในส่วนของตัวเบาะที่ซัพพอร์ตขามีขนาดค่อนข้างสั้น ทำให้ใต้ท้องขาล้นออกมาเยอะ ซึ่งแน่นอนว่าหากนั่งไกลๆ ก็อาจสร้างความเมื่อยล้าได้เหมือนกัน อีกหนึ่งจุดที่ทีมออกแบบได้คำนึงถึงผู้โดยสารคือ การติดตั้งช่อง USB สำหรับชาร์จไฟ (2.1 แอมป์) บริเวณที่พนักวางแขนตรงกลางเบาะหลัง รวมถึงแผงประตูซ้าย-ขวาที่เลือกใช้วัสดุที่ค่อนข้างอ่อนนุ่ม ซึ่งรถคลาสเดียวกันส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่มีความแข็งหรือหยาบซะมากกว่า

CX5-3015

ในส่วนของขุมพลังดีเซล แม้เป็นบล็อกเดิม 2.2 ลิตร 129 กิโลวัตต์ (175 PS) ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที แต่ก็มีการปรับปรุงกล่อง ECU ใหม่ ซึ่งผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV-DRIVE ซึ่งได้รับการปรับปรุงกล่องใหม่เช่นกัน แน่นอนการตอบสนอง ตอบได้แบบชัดๆ เคลียร์ๆ เลยว่า อัตราเร่งตอบสนองดีมาก! แต่ก็ไม่ถึงกับดึงหนักจนหลังติดเบาะซะทีเดียว โดยสามารถขยับเพิ่มระดับความเร็วได้ในเวลาอันสั้นแบบนิ่มๆ หรือหากต้องการเร่งแซงรถหน้าที่ช้ากว่า ไม่ว่าจังหวะที่ความเร็วลอยตัวหรืออยู่ในช่วงความเร็วต่ำ ก็ให้ความอุ่นใจและปลอดภัย เพราะพละกำลังสามารถถ่ายทอดออกมาใช้งานแบบทันท่วงทีไม่ต้องรอรอบ แตะคันเร่งเมื่อไหร่ก็มีให้ใช้งานได้ทันที

โดยระดับความเร็ว 90 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 1,600 รอบ/นาที, 100 กม./ชม. 1,750 รอบ/นาที, 110 กม./ชม. 2,000 รอบ/นาที, 120 กม./ชม. 2,200 รอบ/นาที, 130 กม./ชม. 2,300 รอบ/นาที, 140 กม./ชม. 2,600 รอบ/นาที, 150 กม./ชม. 2,750 รอบ/นาที, 160 กม./ชม. 2,900 รอบ/นาที และ 180 กม./ชม. 3,300 รอบ/นาที (ระดับความเร็ววัดเมื่อวัดด้วย GPS ไมล์จะอ่อนกว่าการประมาณ 5%)

ในขณะที่การควบคุมรถก็ทำได้ง่าย พวงมาลัยค่อนข้างคม ที่สำคัญสิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยคือ น้ำหนักของพวงมาลัย โดยส่วนใหญ่หลายคนมักคุ้นชินกับพวงมาลัยที่แปรผันน้ำหนักอัตโนมัติตามระดับความเร็วคือ เบามือในช่วงความเร็วต่ำและหน่วงมือหนักขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง เสมือนทำให้ผู้ขับรู้สึกว่ารถมีความมั่นคงหนักแน่น แต่กับ ALL-NEW MAZDA CX-5 เรียกว่าสวนกระแสกับความรู้สึกที่เคยได้สัมผัสมา เพราะว่าไม่ว่าจะใช้ความเร็วต่ำหรือสูงก็ตาม พวงมาลัยก็ยังเบามือตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ยังให้ความคมนิ่งเช่นเดิม ซึ่งเป็นผลจากการเซ็ตน้ำหนักพวงมาลัยให้รองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีผู้ขับก็ควรปรับตัวให้คุ้นเคยกับคาแร็คเตอร์รถพอสมควร ไม่งั้นอาจจะรู้สึกว่าพวงมาลัยนั้นเบาจนกลายเป็นว่าไวจนเกินไป

ในส่วนของระบบช่วงล่าง ซึ่งตลอดเส้นทางต้องผ่านทั้งเรียบ ทางลูกรัง ทางฝุ่น หรือพื้นที่ซ่อมผิวถนน จากความรู้สึกส่วนตัวของผู้ทดสอบ ALL-NEW MAZDA CX-5 สามารถเคลื่อนผ่านได้แบบมั่นใจ สัมผัสได้ถึงความแน่นหนึบ และกระด้างน้อยลงเมื่อเทียบจากโมเดลก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนสปริงโช้กอัพใหม่ รวมถึงบูชปีกนกมีการใส่ของเหลวเข้าไปเพื่อลดแรงสะเทือน ในขณะที่การเข้าโค้งทั้งแบบต่อเนื่องหรือโค้งลึกๆ ยาวๆ การยึดเกาะถนนนับว่าค่อนข้างเนียนและมั่นใจ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่ GVC หรือ G-Vectoring Control ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้ตอบสนองกับการเลี้ยวของพวงมาลัย และถ่ายเทน้ำหนักในแนวดิ่งให้ลงบนล้อแต่ละล้ออย่างเหมาะสม ที่สำคัญลดอาการโยนตัว ทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารรู้สึกว่ารถมีอาการโคลงเคลงน้อยลง

วันที่ 2 สระแก้ว-กรุงเทพฯ ระยะทาง 232 กม. วันนี้ 9Carthai ได้เปลี่ยนสลับมาขับรุ่น SKYACTIV-G 2.0SP ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งนอกจากเครื่องยนต์แล้วในส่วนของออปชั่นความปลอดภัย เมื่อเทียบกับรุ่น XD (ตัวรองท็อปดีเซล) แล้วนับว่าแตกต่างพอสมควร สิ่งแรกที่สัมผัสได้ขณะขับทดสอบคือ ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนหรือ LDWS (มีสัญลักษณ์ขึ้นเตือนบนกระจกหน้ารถ Windshield Active Driving Display) และระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนหรือ LAS ซึ่งจะทำงานคู่กัน รวมไปถึงระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ช่วงแรกๆ ผู้ขับอาจจะรู้สึกขืนๆ นิด เหมือนพวงมาลัยโดนยื้ออยู่บ้าง แต่ขับไปสักพักก็จะเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินได้ครับ ที่สำคัญช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อต้องขับในระยะไกลๆ ซึ่งบางคนอาจเผือหลับในได้ หรือหากไม่ชอบหรือคิดว่าไม่ชินก็สามารถเลือกปิดการทำงานของระบบได้เช่นกัน

ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์ หลังจากได้ขับเครื่องยนต์ดีเซลไปก่อนหน้า ก็สัมผัสได้ถึงความต่างชัดเจน โดยเฉพาะฟิลลิ่งการขับ เบนซิน SKYACTIV-G คาแร็คเตอร์ของรถจะออกไปทางแนววัยรุ่นๆ กระโชกโฮกฮากเอาซะหน่อย เสียงเครื่องยนต์คำรามดังสไตล์ซูม-ซูม ทำให้รู้สึกว่าเร้าใจขับสนุก แต่อาจรู็สึกว่ารอบเครื่องยนต์กวาดและตัดเร็วไปสักหน่อย ทำให้การตอบสนองเหมือนคลิกดาวน์ตลอดเวลา ส่วนขณะที่ต้องการเร่งแซงอาจต้องกรอความเร็วรอไว้ หรือเลือกใช้ Drive Selection ปรับเป็นโหมด Sport หรือไม่ก็ลดตำแหน่งเกียร์ให้ต่ำลงมา จึงจะสามารถให้พละกำลังได้ดั่งต้องการ แต่เมื่อความเร็วลอยตัวขึ้นไปในระดับ 120-140 กม./ชม. แล้ว การไต่ระดับความเร็วก็ไหลขึ้นได้แบบต่อเนื่องและรวดเร็ว

โดยระดับความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่อง 2,000 รอบ/นาที, 120 กม./ชม. 2,400 รอบ/นาที, 140 กม./ชม. 2,800 รอบ/นาที, 160 กม./ชม. 3,300 รอบ/นาที, 170 กม./ชม. 3,500 รอบ/นาที, 180 กม./ชม. 4,400 รอบ/นาที, (ระดับความเร็ววัดเมื่อวัดด้วย GPS ไมล์จะอ่อนกว่าการประมาณ 5%)

โดยจากการขับทดสอบ ALL-NEW MAZDA CX-5 ทั้ง 2 รุ่นเครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซล ระยะทางรวมเกือบ 1,000 กม. แม้ทั้ง 2 รุ่น ล้วนมีคาแร็คเตอร์การขับที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งสัมผัสได้ชัดเจนในหลายแง่มุม คือ สมรรถนะและประสิทธิภาพที่ได้รับการพัฒนาใหม่หมด ทั้งเครื่องยนต์ที่ขับได้ง่ายและสนุก ตอบสนองดี ห้องโดยสารหลากหลายด้วยฟังก์ชั่นความสะดวกสบาย รวมทั้งอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยขึ้น สิ่งสำคัญยังรองรับกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งใครที่กำลังหา SUV แท้ๆ ขับสบาย ออปชั่นแน่นๆ ไว้ใช้งานสักคันในราคาที่สามารถจ่ายได้ ALL-NEW MAZDA CX-5 พร้อมให้ความรู้สึกใหม่ที่คุณไม่เคยสัมผัสมาจากรถคันไหนๆ อย่างแน่นนอน

CX5-3087CX5-3088 CX5-3018 CX5-3007  CX5-3017 CX5-1067 Skyactiv DCX5-3005CX5-3013CX5-1023CX5-1006CX5-1020 Skyactiv DCX5-1022 SkyactivCX5-1084CX5-1081CX5-2097CX5-2091CX5-1001CX5-1088CX5-1079CX5-1080CX5-1077CX5-1075CX5-1076CX5-3023CX5-3015CX5-3016CX5-3074CX5-3089

คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน บุกตลาดน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ไทยชูจุดขาย C.O.R.E Technology และ ZOOMTECH

$
0
0

คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน บุกตลาดน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ไทยชูจุดขาย C.O.R.E Technology และ ZOOMTECH

Caltex-PR

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคุณภาพระดับโลกเจาะตลาดน้ำมันเครื่องสำหรับรถจักรยานยนต์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ส่งผลิตภัณฑ์น้องใหม่เอาใจผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ทั้งรถเกียร์ออโตเมติก และรถเกียร์ธรรมดา ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วย C.O.R.E Technology ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ทำงานเต็มสมรรถนะ ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อน และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี ZOOMTECH ช่วยปรับแรงเสียดทาน ให้การจับของคลัทช์ดียิ่งขึ้น เพิ่มอัตราเร่ง แรงเต็มกำลังมั่นใจในทุกสภาวะการขับขี่

นายชุตินธร ปักเข็ม ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นประเทศไทย บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กล่าวในโอกาสร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน สำหรับรถจักรยานยนต์ ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้คอนเซ็ปต์ RIDE STRONG: เติมพลังแกร่ง เต็มแรงบิด ว่า “ปัจจุบันตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 600 ล้านลิตร โดยแบ่งเป็นประเภทอุตสาหกรรม 220 ล้านลิตร (37%) ประเภทขนส่งและการพาณิชย์ 140 ล้านลิตร (23%) ประเภทรถส่วนบุคคล 240 ล้านลิตร (40%) และเป็นตลาดน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ประมาณ 100 ล้านลิตร (20%) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 1-2 % ต่อปี โดยภาพรวมตลาดน้ำมันเครื่องในประเทศไทย ยังคงมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นทั้งจากการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน การส่งเสริมและผลักดันนโยบายจากรัฐบาลผ่านเมกกะโปรเจกต์ต่างๆ ฯลฯ ส่งผลทำให้ตลาดน้ำมันเครื่องมีการแข่งขันที่สูงตามไปด้วย ทั้งในส่วนอุตสาหกรรม การพาณิชย์ และรถส่วนบุคคล สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์มีแนวโน้มการใช้ที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน ท่องเที่ยว รวมทั้งการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพในส่วนขนส่ง หรือ Delivery ที่ปัจจุบันได้รับความนิยม ส่งผลให้ตลาดน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์คึกคักไปด้วย ในขณะเดียวกันการแข่งขันของผู้เล่นในตลาดก็เพิ่มสูงขึ้น ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากค่ายรถโดยตรง หรือจากแบรนด์ต่างๆ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จัดแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ราคาที่จูงใจ เพื่อกระตุ้นยอดขาย”

“จากปัจจัยบวกและแนวโน้มการใช้รถจักรยานยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นโดยปัจจุบันมียอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทั่วประเทศรวมกว่า 20 ล้านคัน บริษัทฯ จึงเล็งเห็นการขยายตัวของตลาดน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคุณภาพเพื่อรุกเจาะตลาดในปีนี้ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน สำหรับรถจักรยานยนต์ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งในประเภทรถเกียร์ออโตเมติก และรถเกียร์ธรรมดา

ด้วยสูตรเฉพาะและคุณสมบัติพิเศษจาก C.O.R.E Technology ที่มีการคัดสรรมาเป็นพิเศษ ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างน้ำมันพื้นฐานบริสุทธิ์สูง และสารเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมี่ยม C: Cleans and Protects ทำให้เครื่องยนต์สะอาดมากกว่าถึง 50% เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและแรงเต็มสมรรถนะ / O: Oxidation Stability ต้านทานต่อปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำให้น้ำมันทนต่อความร้อน ไม่เสื่อมสภาพ สามารถรักษาความหนืดได้ดีกว่าถึง 50% / R: Reduces Engine Heat Damage ช่วยปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อน และคงคุณสมบัติในการปกป้องเครื่องยนต์ได้ยาวนาน / E: Enhances Acceleration เพิ่มอัตราเร่ง แรงเต็มกำลัง ด้วย เทคโนโลยี ZOOMTECH ด้วยสารเพิ่มคุณภาพที่มีคุณสมบัติพิเศษในการปรับแรงเสียดทานให้เหมาะสม ทำให้การจับของคลัทช์ดีขึ้น 13 % จึงช่วยเพิ่มอัตราเร่ง บิดได้เต็มแรงทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ทำให้มั่นใจในทุกสภาวะการขับขี่”

“ผลิตภัณฑ์กลุ่มคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน สำหรับรถจักรยานยนต์ ที่เปิดตัวในครั้งนี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวัน (125-150 ซีซี) และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถแนวสปอร์ต (150 ซีซี ขึ้นไป) โดยจำหน่ายผ่านช่องทาง สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ร้าน Havoline bikePro ที่ร่วมรายการ ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน สำหรับรถจักรยานยนต์ ที่เปิดตัวในประเทศไทย ประกอบด้วย 2 กลุ่มหลัก ได้แก
รถเกียร์ออโตเมติก

ฮาโวลีน ซูเปอร์เมติก 4 ที เซมิ – ซินเธติก SAE 10W – 30 และ SAE 10W-40 (Havoline SuperMatic 4T Semi-Synthetic SAE 10W-30/10W-40) น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ผลิตด้วย C.O.R.E Technology ทนต่อความร้อนได้ดี ให้สมรรถนะในการปกป้องเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาด ลดคราบและเขม่าที่สะสม อีกทั้งประหยัดน้ำมัน และลดแรงเสียดทาน ขับขี่ราบรื่นตลอดทุกการเดินทางด้วยมาตรฐาน JASO MB เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ หรือรถญี่ปุ่นเกียร์ออโตเมติกรุ่นใหม่

รถเกียร์ธรรมดา
ฮาโวลีน ซูเปอร์ 4 ที ฟูลลี่ ซินเธติก SAE 10W-50 (Havoline Super 4T Fully Synthetic SAE 10W – 50)

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% ผลิตด้วย C.O.R.E Technology สูตรพิเศษ ช่วยเพิ่มอัตราเร่ง บิดได้เต็มแรงทันทีที่สตาร์ท พร้อมการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ให้การปกป้องเครื่องยนต์ตลอดรอบการเปลี่ยนถ่าย ทนต่อความร้อนได้ดี น้ำมันมีความเสถียรทนต่อแรงเฉือนจากการขับขี่ในทุกสภาวะ เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ระดับพรีเมี่ยม และรถ Big Bike
ฮาโวลีน ซูเปอร์ 4 ที เซมิ – ซินเธติก SAE 10W-30 และ SAE 10W-40 (Havoline Super 4T Semi-Synthetic SAE 10W – 30/10W-40)

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ผลิตด้วย C.O.R.E Technology สำหรับการปกป้องที่ดีเยี่ยม เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี ZOOMTECH ช่วยลดแรงเสียดทาน การจับของคลัทช์ดีขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราเร่ง ทนต่อความร้อน ประหยัดเชื้อเพลิง มั่นใจในทุกการขับขี่ แม้ในสภาพการจราจรที่ติดขัด (Stop-and-go) เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ รุ่นใหม่
ฮาโวลีน ซูเปอร์ 4 ที SAE 20W-40 (Havoline Super 4T SAE 20W – 40)

ผลิตด้วย C.O.R.E Technology ช่วยให้การหล่อลื่นดียิ่งขึ้น พร้อมการปกป้องเครื่องยนต์ ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด และด้วยเทคโนโลยีที่ผสานกันอย่างลงตัวของน้ำมันพื้นฐานบริสุทธิ์สูง ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำมันเสื่อมสภาพช้า ทำงานได้ราบรื่น เพิ่มประสิทธิ์ภาพด้วยเทคโนโลยี ZOOMTECH ช่วยปรับลดแรงเสียดทาน ทำให้การทำงานของของคลัทช์ดียิ่งขึ้น ขับขี่อย่างมั่นใจและสนุกสนานในทุกการเดินทาง เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะทั่วไป
ฮาโวลีน อีซี่ 4ที SAE 20W-40 (Havoline Ezy 4T SAE 20W – 40)

น้ำมันเกรดมาตรฐาน JASO MA2 ให้การปกป้องอย่างต่อเนื่องทั้งเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และคลัทช์ มั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ เหมาะสำหรับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะทั่วไป

นายชุตินธร กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับในช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมแผนการตลาดและการสื่อสาร เพื่อการสร้างแบรนด์อย่างครบวงจร อาทิ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ ป้ายบิลบอร์ด ป้ายดิจิตอล และการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์ และโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคเจาะกลุ่มทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงการจัดกิจกรรมโปรโมชั่น ส่งเสริมการขายในช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในส่วนของผู้บริโภค อาทิ ซื้อผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกล่องกิฟเซ็ต รับฟรีผ้าเช็ดรถและสติ๊กเกอร์ Ride Strong และในส่วนของร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่าย รับฟรีเสื้อแจ็คเก็ต คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ครบตามกำหนด”

“ผลิตภัณฑ์กลุ่มคาลเท็กซ์ ฮาโวลีน สำหรับรถจักรยานยนต์ ประสบความสำเร็จจากการเปิดตลาดในเอเชียทั้ง ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม บริษัทฯ จึงคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย และมั่นใจว่า จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับประเทศอื่น ด้วยการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสารเพิ่มคุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่ล้ำสมัย อย่าง C.O.R.E Technology และเทคโนโลยี ZOOMTECH ทำให้รถจักรยานยนต์ของคุณ แรงเต็มสมรรถนะ มั่นใจให้ทุกการขับขี่ และได้ประสิทธิภาพสูงสุด” นายชุตินธร กล่าวในที่สุด


“อภิวัฒน์-อนุภาพ” คว้าโพลโฮมเรซ นักบิดไทยพาเหรดลุ้นแชมป์สองล้อเอเชีย

$
0
0

“อภิวัฒน์-อนุภาพ” คว้าโพลโฮมเรซ นักบิดไทยพาเหรดลุ้นแชมป์สองล้อเอเชีย

P2-SS600-Chalermpol_resize

ทัพนักบิดไทยสร้างผลงานยอดเยี่ยมในศึก เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนามสุดท้าย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ผงาดคว้าโพล ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. ขณะ “ตี” อนุภาพ ซามูล จากสังกัดเดียวกันซิวหัวแถวรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. มีลุ้นคว้าแชมป์โฮมเรซต่อหน้าแฟนความเร็วชาวไทยในสุดสัปดาห์นี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ยิ่งสดผ่าน ทรูโฟร์ยู ช่อง 24

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ทวีปเอเชีย รายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 มีคิวดวลความเร็วสนามสุดท้ายที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคมนี้ โดยถือเป็นการปิดฉากฤดูกาลอันยิ่งใหญ่ในบ้านเกิดของนักบิดไทยทุกคน

ล่าสุดเป็นการแข่งขันรอบควอลิฟายของทุกรุ่น โดยเฉพาะในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. และ เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ซึ่งมีนักบิดไทยลงแข่งขันอย่างคับคั่ง และมีลุ้นเรียกเสียงเฮจากแฟนๆ ชาวไทย ในสนามแข่งรถระดับโลกของคนไทย

ผลการควอลิฟายรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. ไม่ทำให้แฟนความเร็วชาวไทยผิดหวัง เมื่อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดดาวรุ่งชาวไทยในสังกัด ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่ลงแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ด สามารถกดเวลามาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 38.770 วินาที คว้าโพลโพซิชั่นไปครอง ขนาบข้างด้วยทีมเมทจอมเก๋าอย่าง เฉลิมพล ผลไม้ ขนาบข้างในกริดที่ 2 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 38.978 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ แอนโธนี เวสต์ ยอดนักบิดออสเตรเลียนจาก อาเคโนะ สปีด เรซซิ่ง ด้วยเวลา 1 นาที 39.182 วินาที

ด้านนักบิดไทยคนอื่นๆ ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม คว้ากริดที่ 5 ตามด้วย เดชา ไกรศาสตร์ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 6 ส่วน รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้ออกตัวจากกริดที่ 9 ตามด้วย เขมินทร์ คูโบะ ดาวรุ่งลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นจาก ยามาฮ่า เรซซิ่ง ในกริดที่ 14 ขณะที่ 2 นักบิดไวด์การ์ดอย่าง ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ จาก ทีเอชอาร์ซี ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และนักสาวอย่าง รัชดา นาคเจริญศรี จาก ยามาฮ่า ทีเอส เรซซิ่ง ทีม ได้ออกตัวจากกริดที่ 18 และ 21 ตามลำดับ

ส่วนผลควอลิฟายในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ยังคงเป็นนักบิดไทยที่คว้าโพลโพซิชั่นจากผลงานของ อนุภาพ ซามูล จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลาต่อรอบเวลา 1 นาที 53.522 วินาที ขนาบข้างด้วยนักบิดสาวแกร่งอย่าง มุกข์ลดา สาระพืช จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในกริดที่ 2 ด้วยเวลา 1 นาที 54.070 วินาที ส่วน เจอร์รี่ ซาลิม จ่าฝูงชาวอินโดนีเซียนจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 3 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 54.200 วินาที

ขณะที่ พีระพงศ์ หลุยบุญเป็ง จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทำผลงานดีขึ้นขยับขึ้นมาออกสตาร์ทจากกริดที่ 5 หลังตามด้วย วรพงศ์ มาลาหวล จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ คว้ากริดที่ 10 ตามด้วย พีระพงศ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีมได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 12

นอกจากนี้ ยังมีนักบิดไทยที่ลงแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ดรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ที่ทำผลงานในรอบควอลิฟายได้ดี โดย คณาทัต ใจมั่น จาก ยามาฮ่า ไฮสปีด วาชิ เรซซิ่ง ทีม ได้ออกตัวจากกริดที่ 22 ตามด้วย จิรกิตต์ ธีระนุพงษ์ จาก ทีม วัน ฟอร์ ออลล์ ในกริดที่ 24, เอกลักษณ์ เตสังข์ จาก ยามาฮ่า เค สปอร์ต ยามาลูบ เรซซิ่ง บอย ในกริดที่ 25 และ ชนะชัย บุญงาม จาก ยามาฮ่า เอซี ลูบริเท็กซ์ สปีด เคทีบี เบสต์เซลล์ ในกริดที่ 30

สำหรับการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนามสุดท้ายจะดวลความเร็วเรซที่ 1 ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 2-3 ธันวาคมนี้ ซึ่งรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. จากแข่งขันในเวลา 14.05 น. ส่วนรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. จะแข่งขันในเวลา 15.05 น. ของทั้งสองวัน โดยแฟนความเร็วสามารถติดตามชมถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ได้ในเวลา 14.00-16.00 น. ได้ทั้ง 2 วันของการแข่งขัน

“มุกข์ลดา” สาวแกร่งหนึ่งเดียวของไทย ออกสตาร์ทแถวหน้า มั่นใจคว้าโพเดี้ยม “เอเชีย โปรดักชั่น”

$
0
0

“มุกข์ลดา” สาวแกร่งหนึ่งเดียวของไทย ออกสตาร์ทแถวหน้า มั่นใจคว้าโพเดี้ยม “เอเชีย โปรดักชั่น”

Mook-ARRC2017

“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวแกร่งชาวไทย สังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์ กดเวลาไล่บี้นักบิดชายชั้นนำของเอเชีย คว้ากริดที่ 2 ของศึก “เอเชีย โร้ด เรซซิ่งแชมเปี้ยนชิพ” สนามสุดท้าย ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เจ้าตัวมั่นใจมีลุ้นโพเดี้ยมต่อหน้าแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตในบ้านเกิด ขณะทีมเมท “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล ออกสตาร์ทกริดที่ 10 ด้าน “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ฝืนอาการบาดเจ็บคว้ากริดที่ 9 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. ก่อนลุ้นโพเดี้ยมที่ บุรีรัมย์ วันเสาร์-อาทิตย์นี้

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ทวีปเอเชีย รายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 มีคิวดวลความเร็วสนามสุดท้ายที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคมนี้ โดยจะแข่งขั้นทั้งสิ้น 2 เรซ เพื่อส่งท้ายฤดูกาลต่อหน้าแฟนความเร็วชาวไทย

โดยทัพนักบิด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่เตรียมความพร้อมอย่างหนักก่อนเข้าสู่สัปดาห์การแข่งขัน สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบซ้อมวันแรก ก่อนที่จะลงจับเวลารอบควอลิฟายในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา

ผลการควอลิฟายในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ปรากฏว่า “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งชาวไทย หมายเลข 44 จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานกระหึ่มเมื่อสามารถไล่บี้ทำเวลาเหนือกว่านักบิดชายชั้นนำของเอเชียได้อย่างสุดมันส์ ก่อนจะคว้ากริดที่ 2 มาครอง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 54.070 วินาที ด้านทีมเมทอย่าง “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล นักบิดอารมณ์ดีหมายเลข 46 ประสบปัญหาเครื่องยนต์ ส่งผลให้ทำเวลาได้ดีที่สุดเพียงออกสตาร์ทจากกริดที่ 10 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 54.667 วินาที

ขณะที่ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ที่ลงแข่งในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. มีอาการบาดเจ็บบริเวณสะโพกและเอวจากการโดนชนในการซ้อมวันแรก ส่งผลต่อการขับขี่อย่างมาก ทว่านักบิดไทยยังกัดฟันบิดทำเวลาต่อรอบได้เป็นอย่างดี คว้ากริดสตาร์ทอันดับ 9 มาครอง ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 39.916 วินาที

ภายหลังจบการควอลิฟาย มุกข์ลดา เปิดเผยว่า “วันนี้ตั้งแต่การซ้อมช่วงที่ 3 มาจนถึงรอบควอลิฟาย รู้สึกดีมากขึ้นกับการเซ็ตอัพ ส่งผลให้ทำเวลาได้ดีขึ้นกว่าวันแรกมาก ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถคว้าโพเดี้ยมในบ้านเกิดได้ เพราะเรามีความค้นเคยกับสนามแข่ง และเสียงเชียร์ของแฟนๆ ชาวไทยจะทำให้นักบิดไทยทุกคนมีกำลังใจต่อสู้อย่างมาก รวมถึงตัว มุกข์ เองด้วย”

ด้าน วรพงศ์ กล่าวว่า “วันนี้เจอสถานการณ์ไม่เป็นใจเล็กน้อยครับ ช่วงแรกเราออกไปจับเวลาแล้วเจอนักบิดกลุ่มใหญ่ ส่งผลให้ไม่สามารถกดเวลาที่ต้องการได้ ก่อนจะกลับเข้าพิตเพื่อหาจังหวะที่ดีอีกครั้ง เมื่ออกไปสู่แทร็กก็เริ่มทำเวลาที่ลงตัวได้ แต่มีปัญหาเครื่องยนต์ก่อนทำให้เวลาไม่เร็วไปกว่าเดิม แต่เชื่อมั่นในทีมงาน ฮอนด้า ครับ ว่าจะสามารถแก้ไขทุกอย่างให้กลับมาสมบูรณ์ในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ กริดที่ 10 ถือว่าไม่เลวร้ายเกินไป เพราะจากการซ้อมเรามั่นใจว่าสู้ได้ โพเดี้ยมคือเป้าหมายของเราที่อยากมอบเป็นของขวัญให้แฟนๆ ชาวไทยครับ”

สำหรับการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนามสุดท้ายในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. จะดวลความเร็วเรซแรกในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคมนี้ เวลา 14.05 น. ก่อนจะแข่งขันเรซสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ เวลา 14.05 น.

Kawasaki ดึง Jonathan Rea แชมป์ WSBK 3 สมัย มีตติ้งกับลูกค้า Ninja พร้อมยลโฉม Ninja H2 SX SE ครั้งแรก

$
0
0

Kawasaki ดึง Jonathan Rea แชมป์ WSBK 3 สมัย มีตติ้งกับลูกค้า Ninja พร้อมยลโฉม Ninja H2 SX SE ครั้งแรก

Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_14

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำแห่งเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ จัดงาน Ninja Champion Raid Party เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าชาวนินจา และทางคาวาซากิยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษที่ได้เชิญ “โจนาธาน เรีย” แชมป์ FIM Superbike World Championship 3 ปีซ้อน ได้มาร่วมงานนี้อีกด้วย เพื่อเอาใจสาวกชาวนินจา

Rea

มร. ยาสุชิ คาวาคามิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้คาวาซากิ ได้แสดงสมรรถนะที่ยิ่งใหญ่ให้บรรดาผู้ที่หลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงสมรรถะภาพของรถอย่าง Ninja ZX-10RR ซึ่งโจนาธาน เรีย นั้น ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าชัยชนะในการแข่งขัน World Superbike Championship ติดต่อกันเป็นสมัยที่สาม ขณะเดียวกันที่ประเทศไทย ติ้งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร และรถ Ninja ZX-10RR ก็สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขัน FMSCT All Thailand Superbike Championship มาได้เช่นกันครับ ซึ่งเป็นการตอกย้ำสมรรถะภาพ ของรถจักรยานยนต์คาวาซากิได้เป็นอย่างดีครับ”

Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_18

นอกจากนี้ยังได้มีการนำรถ Kawasaki Ninja H2 SX SE มาให้ได้ยลโฉมจริงกันภายในงานอีกด้วย ซึ่ง Ninja H2 SX SE ถือเป็น รถเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จ ในสไตล์ Sport Tourer คันแรกของโลก

Ninja-Party Rea Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_18 Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_14 Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_20 Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_21 Kawasaki-Ninja-H2-SX-SE_19

ROOM39 ร่วมแสดงความยินดี หลังกระแส Yamaha Finn ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว

$
0
0

ROOM39 ร่วมแสดงความยินดี หลังกระแสยามาฮ่า ฟินน์ ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว

Yamaha-PR

นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถ่ายภาพร่วมกับวง ROOM39 พรีเซ็นเตอร์รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ นำโดย ทอม-อิศรา กิจนิตย์ชีว์, มน-ชุติมน วิจิตรทฤษฎี และ โอ-โอฬาร ชูใจ ซึ่งได้เข้ามอบช่อดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีกับยามาฮ่าในโอกาสที่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ “ฟินน์กว่า…ก็โดนกว่า” ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และสามารถทำยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา โดยการมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีครั้งนี้มีขึ้น ณ บูธ Yamaha Riders’ Community ในงาน The 34th Thailand International Motor Expo 2017 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 G03 เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

เพลงชาติไทยกระหึ่ม! “อภิวัฒน์” ผงาดแชมป์โฮมเรซ นักบิดไทยพาเหรดขึ้นโพเดี้ยม

$
0
0

เพลงชาติไทยกระหึ่ม! “อภิวัฒน์” ผงาดแชมป์โฮมเรซ นักบิดไทยพาเหรดขึ้นโพเดี้ยม

SS600 (3)_resize

“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดดาวรุ่งไทยจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ผงาดคว้าแชมป์ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. เรซแรก ส่วน “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 3 ด้าน “ตี” อนุภาพ ซามูล ดาวรุ่งจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม คว้าอันดับ 2 รุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เรียกเสียงเฮสนั่น สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนามสุดท้าย มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการชิงชัยเรซแรกของรุ่นไฮไลต์อย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. แข่งขันทั้งสิ้น 18 รอบสนาม

กริดสตาร์ทเรซนี้มีนักบิดไทยอย่าง อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เป็นเจ้าของโพล ขนาบข้างด้วยทีมเมทอย่าง เฉลิมพล ผลไม้ ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ แอนโธนี เวสต์ ดาวบิดออสซี่จาก อาเคโนะ สปีด เรซซิ่ง

ออกสตาร์ทเรซในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. เป็น อาซลัน ชาร์ นักบิดจอมเก๋าชาวมาเลเซียนที่ทะยานขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่เพียงในรอบที่ 2 อภิวัฒน์ ก็สามารถทวงหัวแถวคืนมาได้สำเร็จ ก่อนที่ เฉลิมพล จะขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ในรอบเดียวกันนี้

เกมการแข่งขันมาเข้มข้นสุดๆ ในช่วง 5 รอบสุดท้าย โดยแชมป์ตกเป็นของ อภิวัฒน์ ที่เสียบแซง เวสต์ ได้ในโค้งสุดท้าย ปาดหน้าเข้าป้ายเป็นอันดับแรกคว้าแชมป์โฮมเรซไปครองอย่างสุดมันส์ เฉือน เวสต์ อันดับ 2 เพียง 0.180 วินาที เท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ ฐิติพงศ์ ตามหลังแชมป์ 0.135 วินาที

ขณะ เฉลิมพล ที่สามารถขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ 2 รอบการแข่งขัน จบเรซแรกที่สนามช้างฯ ด้วยอันดับ 4 ตามหลังแชมป์เพียง 0.497 วินาทีเท่านั้น ด้าน เดชา ไกรศาสตร์ จอมเก๋าอีกคนจาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม สะดุดเล็กน้อยในช่วงแรกของการแข่งขัน ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่บี้คู่แข่งขึ้นมาคว้าอันดับ 6 ด้าน รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ฝืนอาการบาดเจ็บจบเรซในอันดับ 8 ตามหลังแชมป์ 13.026 วินาที

ส่วนผลการแข่งขันในเรซแรกของ เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ปรากฏว่าแชมป์ตกเป็นของ เรซ่า ดานิก้า อาห์เรนส์ ดาวรุ่งชาวอินโดนีเซียนจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ด้วยเวลา 19 นาที 7.754 วินาที เฉือนนักบิดไทยอย่าง อนุภาพ ซามูล จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่ตามเข้าป้ายในอันดับ 2 เพียง 0.211 วินาที ด้านอันดับ 3 เป็นของ โทโมโยชิ โคยาม่า นักบิดญี่ปุ่นจาก รามา ฮอนด้า ตามหลังแชมป์ 0.357 วินาที

ขณะที่ เจอร์รี่ ซาลิม จ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ที่ต้องการเพียง 13 คะแนน ก็จะคว้าแชมป์ประจำปีไปครอง โดย ซาลิม ไม่ทำให้ทีมงาน ฮอนด้า ผิดหวังเข้าป้ายในอันดับ 4 เพียงพอที่จะคว้าแชมป์เอเชีย ตั้งแต่เรซแรกที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ด้านนักบิดไทยคนอื่นๆ ฮึดสู้อย่างสุดความสามารถ วรพงศ์ ไต่จากกริดที่ 10 ขึ้นมาคว้าอันดับ 5 ได้สำเร็จ ตามหลังแชมป์ 7.205 วินาที ตามด้วย พีระพงศ์ หลุยบุญเป็ง และ พีระพงศ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ในอันดับ 6 และ 7 ส่วน มุกข์ลดา สารพืช ฟอร์มดีบิดดวลกับนักบิดชายชั้นนำของเอเชียได้อย่างสุดมันส์ คว้าอันดับ 8 ไปครอง ตามหลังแชมป์ 8.216 วินาที

สำหรับการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 สนามสุดท้ายเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. จะออกสตาร์ทในเวลา 14.05 น. ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. จะดวลในเวลา 15.05 น. ถ่ายทอดสดทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 เวลา 14.00-16.00 น.

Viewing all 8802 articles
Browse latest View live