Quantcast
Channel: รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 8650

TOYOTA YARIS ATIV (S) ดีไซน์ทันสมัย ความปลอดภัยเหนือกว่า คุ้มค่าทุกการขับขี่

$
0
0

TOYOTA YARIS ATIV (S) ดีไซน์ทันสมัย ความปลอดภัยเหนือกว่า คุ้มค่าทุกการขับขี่001

หลังจาก Toyota ได้แนะนำ Yaris  1.5 ลิตร เข้าสู่เมืองไทยครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2006 (เจนฯ 2 ในตลาดโลกรุ่นแรกในไทย) ด้วยรูปลักษณ์และดีไซน์ที่กะทัดรัดสไตล์รถ 5 ประตู ซึ่งตอนนั้นในไทยถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่ในตลาด จึงได้ความนิยมจากผู้ใช้ชาวไทยเป็นจำนวนมาก จากนั้นถัดมาช่วงปี 2013 ได้ส่ง Yaris รุ่นใหม่ออกมาอีกครั้ง มาพร้อมกับตัวถังสไตล์ Hatchback รูปทรงแบนๆ ฉีกสไตล์จากรุ่นเดิมชัดเจน พร้อมเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวและเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมเป็นสันมากขึ้น ขณะเดียวกันขุมพลังถูกปรับเปลี่ยนเป็นพิกัด 1.2 ลิตร เพื่อลุยตลาดในโครงการ Eco Car แบบเต็มตัว ซึ่งก็ยังเป็นที่ถูกใจกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 150,000 คัน

โดย Toyota ยังคงเดินหน้าลุยตลาดรถขนาด B-Segment และ ECO Car อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ส่ง Yaris รุ่นใหม่สู่เมืองไทยอีกครั้ง พร้อมกับชื่อต่อหลังด้านท้ายว่า ‘Ativ’ ภายใต้ตัวถังแบบซับคอมแพ็คซีดาน ผสานสมรรถนะการขับขี่ของขุมพลัง 1.2 ลิตร ด้วยสโลแกนการทำตลาด ‘Life Activated’ หรือการเริ่มต้นสู่โลกที่กว้างกว่า โดยเน้นตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องความคุ้มค่าในการใช้งาน ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย ระบบความปลอดภัยติดตั้งมาให้อย่างเพียบพร้อม ทำตลาด 5 รุ่นย่อย คือ J Eco 469,000 บาท, J 519,000 บาท, E 549,000 บาท, G 599,000 บาท และ S เป็นรุ่นท็อปสุด 619,000 บาท

002

ภาพรวมของรูปลักษณ์นับตั้งแต่แรกเห็น นับว่าทีมออกแบบสรรสร้างออกมาได้ทันสมัยดูดีโดนใจอยู่ไม่น้อย แถมยังแตกต่างจากรุ่นเดิมแบบไม่เหลือเค้าโครง ด้านหน้าโดดเด่นชัดเจนกับชุดแผงกระจังสีดำที่ตัดสลับด้วยเส้นโครเมียม ให้มุมมองสะดุดตา เสมือนว่าเป็นปลายลูกศรกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า สอดรับกับเส้นสายบนฝากระโปรงที่เฉียงลงอย่างลงตัว ส่วนมุมซ้าย-ขวาก็ถูกโอบรับด้วยไฟหน้าแบบ Projector รมดำ เติมเต็มความเร้าใจด้วยวงแหวนสีแดง เสมือนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่บอกตัวตนของรุ่น S นอกจากนี้ยังมีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และ LED Light Guiding เลื่อนต่ำลงมาด้านล่างเป็นชุดไฟ Daytime Running Light (เฉพาะรุ่น G และ S) ซึ่งไม่ได้มีดีเฉพาะความเท่หรือสวยงามเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็ช่วยเพิ่มจุดสังเกตสำหรับรถที่สวนทางมาให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล อีกหนึ่งจุดหนึ่งที่ดึงดูดสายตาคือ แถบกระจังหน้าด้านล่างสีดำ เสริมความเร้าใจด้วยแถบสีแดงในแถวสุดท้าย ช่วยสะท้อนอารมณ์สปอร์ตของรุ่น S ได้ชัดเจน

003

มุมมองด้านข้างเสริมสร้างความโดดเด่นด้วยกระจกมองข้างสีเปียโนแบล็คมาพร้อมแถบสีแดงและไฟเลี้ยวในตัว  ส่วนบริเวณบั้นท้ายจากความคิดส่วนตัวของผู้ทดสอบ รู้สึกว่าเน้นความโค้งมนจนเกินไปจนบางทีรู้สึกว่าขัดสายตาไปบ้างหากเทียบกับดีไซน์ด้านหน้าที่เป็นเส้นเป็นสัน หรืออีกนัยเสมือนว่าต้องการออกแบบให้สอดรับกับแนวหลังคา ที่สโลปไล่ระดับลงให้มาบรรจบแบบพอดี ส่วนไฟท้ายเป็นแบบรมดำ LED Light Guiding รูปทรงคล้ายตาเหยี่ยว ช่วยเติมเต็มมุมมองให้รู้สึกถึงความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ขณะที่ล้อแม็กดีไซน์แบบ 6 ก้านคู่ พร้อมยาง Dunlop Enasave 185/60R15

004

มิติตัวถัง กว้าง 1,730 มิลลิเมตร ยาว 4,425 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,470 มิลลิเมตรระยะห่างล้อหลัง 1,460 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 133 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.1 เมตร ถังเชื้อเพลิงจุ 42 ลิตร น้ำหนัก 1,087 กิโลกรัม

006

0011

รายละเอียดภายในห้องโดยสาร สำหรับ Ativ S มีความต่างอย่างเหนือกว่าหลายๆ จุด เมื่อเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ โดยเบาะนั่งเป็นแบบหุ้มผ้า คู่หน้าดีไซน์ทรงสปอร์ตที่สอดรับกับปีกเบาะสีดำตัดสลับตรงกลางด้วยลายกราฟิกสีแดง ซึ่งในแง่การใช้งานจริง ผู้ขับหรือผู้โดยสารที่รูปร่างท้วมใหญ่มากๆ อาจรู้สึกว่าเบาะแบบนี้นั่งไม่สบายตัวนัก เนื่องจากปีกเบาะที่ยื่นออกมาไปยันกับท้องแขนและโอบกับลำตัวเกินไปจนรู้สึกได้ว่าอึดอัด ส่วนคนรูปร่างปกติทั่วไปนับว่าไม่เป็นปัญหากระชับเข้ากับสรีระได้พอดี อีกทั้งยังให้อารมณ์ความเร้าใจได้ไม่น้อย ส่วนเบาะหลังออกแบบได้ดีเกินคาด เมื่อเทียบกับขนาดและมิติตัวรถ ผู้โดยสารตัวสูงใหญ่นั่งได้แบบสบายๆ ด้วยดีไซน์ของฐานเบาะที่ยื่นออกมารับกับท้องขา ทำให้สามารถลดความเมื่อยล้าได้ดี ขณะที่พื้นห้องโดยสารก็เป็นแบบแบนเรียบ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การเข้า-ออก ทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

0022

0018

มาดูกันที่ชุดเรือนไมล์ดีไซน์นับว่าสวยเร้าใจทันสมัยตั้งแต่แรกเห็น อ่านค่าได้ชัดและง่ายเพราะเป็นแบบเรืองแสง (Optitron) มาพร้อมจอ MID แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ที่ออกแบบให้ค่อมทับอยู่ในวงมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่อง ทำหน้าที่แจ้งเตือนสถานะต่างๆ ทั้งอัตราสิ้นเปลือง ความเร็วเฉลี่ย ระยะทางที่ขับได้ รวมถึงระยะเวลาในการขับ นอกจากนี้ยังคำนวณค่าความประหยัดออกมาเป็นจำนวนเงินได้ ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละช่วงเวลา

0012

ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนังเย็บด้วยด้ายแดง ขณะที่รุ่น E, J และ J Eco หุ้มด้วยยูรีเทน ส่วนบริเวณก้านฝั่งซ้าย เพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์ และฝั่งขวาเป็นสวิตช์สำหรับเลือกฟังก์ชั่นจอ MID ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่มีสำหรับรุ่น S โดยเฉพาะ สำหรับแผงแดชบอร์ดีไซน์รวมๆ แม้ว่าไม่หวือหวา แต่ก็ให้ความหรูหราราบเรียบอย่างมีสไตล์ ภายใต้วัสดุเอบีเอสสีดำผนวกเข้ากับธีมสีเปียโนแบล็ค มีจุดนำสายตาด้วยแถบสีเงินที่เป็นเสมือนกรอบ ล้อมรอบหน้าจอของชุดเครื่องเสียง-ระบบปรับอากาศและพาดยาวมาถึงฐานเกียร์

0015

ภาคความบันเทิงติดตั้งชุดเครื่องเสียงและจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ลำโพงรอบทิศทาง 6 ตำแหน่ง พร้อมช่อง USB/HDMI รวมทั้งรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้แบบไร้สาย Bluetooth อีกทั้งยังใช้เป็นจอเพื่อแสดงภาพของกล้องมองหลังเมื่อถอยจอด เติมเต็มความสะดวกสบายในทุกการเดินทางด้วยสวิทช์ Push Start

อีกหนึ่งจุดที่สร้างความน่าสนใจได้แบบเหนือกว่าคือ เทคโนโลยีความปลอดภัย ซึ่งต้องยอมรับ Yaris ATIV ติดตั้งมาให้แบบคุ้มค่าเกินราคาจริงๆ โดยเฉพาะกับถุงลมนิรภัยที่มีให้ถึง 7 จุด (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านด้านข้างและถุงลมกันกระแทกเข่าของผู้ขับขี่) รวมถึงยังไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์หรือ Follow-Me-Home ที่มีให้เฉพาะรุ่น S และ G เท่านั้น ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงฟังก์ชั่นเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีก็ได้ แต่ในบางครั้งบางจังหวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาค่ำมืด ที่ต้องลงไปเปิดประตูหรือล้วงหากุญแจจากกระเป๋าเพื่อไขเข้าบ้าน ความสว่างจากไฟนี้ก็ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีทีเดียว นอกจากนี้ยังมีชุดซ่อมยางฉุกเฉินพร้อมที่ปั๊มลมและน้ำยาอุดรอยรั่ว ซึ่งนั่นหมายความว่ารถคันนี้ไม่มียางอะไหล่มาให้จากโรงงาน

0024

ด้านความปลอดภัยในเชิงป้องกัน อัดแน่นด้วยหลายเทคโนโลยีทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้นและป้องกันการลื่นไถลขณะออกตัวหรือเหยียบคันเร่งบนถนนเปียกลื่น, ระบบกระจายแรงเบรก EBD ช่วยปรับสมดุลของแรงเบรกล้อหน้าและล้อหลังให้เท่ากันเพื่อลดอาการท้ายสะบัด นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control) ป้องกันรถไหลในจังหวะออกตัวบนทางลาดชัน

 0026

ทดสอบภายใต้รูปแบบการขับใช้งานจริง  

การทดสอบครั้งนี้เจาะจงไปที่โมเดลท็อปสุดคือ Ativ รุ่นย่อย S สีโปรโมท Dark Blue Mica Metallic โดยการขับอยู่ภายใต้รูปแบบการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เปิดแอร์ปกติและไม่มีการเลี้ยงหรือแต่งคันเร่ง เพื่อหาตัวเลขความประหยัด ที่สำคัญต้องเจอสภาวะการขับขี่แบบหลากหลาย ทั้งสภาพจราจรแออัดในเมืองและการขับระยะไกลใช้ความเร็วสูงบนถนนหลวงข้ามจังหวัด รวมระยะทางทั้งสิ้น 200 กิโลเมตร เพื่อพิสูจน์คุณสมบัติและสมรรถนะของซับคอมแพคซีดานคันนี้ ว่าสามารถตอบโจทย์ใช้งานจริงได้ดีและคุ้มค่าแค่ไหน

การเดินทางเริ่มจากโตโยต้าย่านสำโรงในช่วงบ่าย โดยมุ่งไปที่เส้นทางในเขตเมืองก่อน ซึ่งมีสภาพการจราจรค่อนข้างแออัด ตลอดเส้นทางมีช้าสลับหยุดนิ่งบ้างตามสัญญาณไฟ แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนตัวไหลต่อเนื่องได้เรื่อยๆ และหลายๆ จังหวะเมื่อต้องเปลี่ยนเลน ไปสู่ช่องจราจรที่สะดวกกว่า Yaris Ativ คันนี้ ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างคล่องตัว บวกกับการบังคับพวงมาลัยที่เบามือ จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับการหลบหลีกฉีกตัวไปในช่องทางที่ลื่นไหลกว่า อีกหนึ่งจุดที่ต้องชื่นชมคือมุมมองของกระจกบังลมหน้า ซึ่งออกแบบให้ลดปัญหามุมอับ ทำให้ผู้ขับมองเห็นได้เป็นมุมกว้างและชัดเจนขึ้น

สมรรถนะขณะขับขี่ในเมือง สำหรับผู้เคยชินกับคันเร่งที่ตอบสนองไวๆ หรือบรรดานักขับเท้าหนัก อาจจะไม่ถูกอกถูกใจเท่าไรนัก และอาจรู้สึกว่ารถมีความหนืดเหมือนออกตัวช้า ซึ่งมาจากการเซ็ตคันเร่งให้หน่วงเวลาไว้ระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันอันตรายกรณีที่ผู้ขับอาจเผลอเหยียบคันเร่งลึก จนทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว ขณะเดียวกันถ้าผู้ขับเรียนรู้และจับจังหวะของคันเร่ง ก็จะเข้าใจการทำงานและควบคุมอัตราเร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน สำหรับอัตราความสิ้นเปลืองกับระยะทางการขับ 50 กิโลเมตร ประมวลผลออกมาผ่านหน้าจอ MID อยู่ที่ 15.8 กม./ลิตร

0025

เมื่อผ่านพ้นจากเขตเมือง การทดสอบต่อเนื่องด้วยการขับระยะทางไกลบนถนนข้ามจังหวัด โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์มีจุดหมายปลายทางคือจังหวัดระยอง ช่วงนี้ผู้ทดสอบมีโอกาสได้สัมผัสสมรรถนะกันพอสมควร ซึ่งด้วยสภาพจราจรที่ไม่ติดขัด จึงสามารถขยับความเร็วได้มากขึ้น แต่ก็ไม่เกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ประมาณ 90-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใต้สมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซินรหัส 3NR-FE 1,197 ซีซี 4 สูบ Dual VVT-i 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานกับระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่ปรับปรุงการ ECU ใหม่ รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E20

สำหรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ ช่วงที่ต้องการเพิ่มความเร็ว พละกำลังที่ถ่ายทอดออกมาให้สัมผัสแม้ไม่ถึงกับจิ๊ดจ๊าดโดนใจ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานสามารถทะยานลื่นไหลได้เหมาะสมตามรอบของเครื่องยนต์ ส่วนการเร่งแซงในช่วงความเร็วลอยตัวนับว่าทำได้ดี มีอัตราเร่งและเรี่ยวแรงให้เรียกใช้แบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอรอบจนเพลียใจ ขณะเดียวกันหากอยู่ในระดับความเร็วต่ำประมาณ 50-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วต้องการให้พุ่งทะยานออกอย่างทันทันท่วงที อาจต้องใช้วิธีการคลิ๊กดาวน์หรือปรับตำแหน่งเกียร์เป็นโหมด S ช่วย เพื่อเรียกรอบให้ตอบสนองกลับมา

โดยระดับความเร็วคงที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่อง 1,950 รอบ/นาที, 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2,100 รอบ/นาที, 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2,400 รอบ/นาที และ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2,500 รอบ/นาที ส่วนอัตราความสิ้นเปลืองกับการขับบนถนนหลวงข้ามจังหวัด ระยะทาง 150 กิโลเมตร ประมวลผลออกมาผ่านหน้าจอ MID อยู่ที่ 20.3 กิโลเมตร/ลิตร

0027

ในส่วนของระบบช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงเช่นกัน ซึ่งหากถามหาความนุ่มนวลเฉกเช่นซีดานกลุ่ม C-Segment คุณอาจจะสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้มากเท่าไรในรถคันนี้ โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านถนนที่ต่างระดับหรือคอสะพาน อาจจะรู้สึกได้ถึงแรงสะท้อนย้อนกลับมาสู่ห้องโดยสารอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับกระเด้งกระดอนจนรู้สึกไม่สบายตัวและไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ ในชีวิตประจำวัน

ตรงกันข้ามหากต้องการช่วงล่างที่แน่นหนึบ ถ่ายเทน้ำหนักได้ดี ออกไปทางกระด้างนิดๆ และสามารถขับได้สนุกทั้งทางตรง เส้นทางโค้งยาวๆ หรือโค้งต่อเนื่อง ซับคอมแพคซีดานรุ่นใหม่ของโตโยต้านี้ตอบโจทย์คุณได้ตรงจุดแน่นอน อย่างไรก็ดีองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนช่วยผลักดันทำให้ขับขี่อย่างมั่นใจ และสามารถควบคุมรถได้มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เกิดจากการปรับปรุงค่าการไหลของเหลวในกระบอกโช้กอัพและค่า K ของสปริงหน้า-หลังใหม่เท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งยังมาจากการทำงานที่ผสานกันของระบบช่วยขับต่างๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) รวมถึงพวงมาลัยแบบไฟฟ้า (EPS) ที่หน่วงมือขึ้นเมื่อใช้ความเร็ว ทำให้การควบคุมพวงมาลัยไปในทิศทางที่ต้องการมีความแม่นย่ำและคมขึ้น ส่วนระบบเบรกแม้เป็นดิสก์เฉพาะล้อคู่หน้าและดรัมในคู่หลัง แต่การใช้งานโดยปกติทั่วไปเมื่อเทียบกับสมรรถนะของรถนับว่าเพียงพอเหมาะสม ส่วนจังหวะการชะลอความเร็วหรือเบรกก็ทำงานได้แบบพอดี ไม่ต้องเบรกลึกก็สามารถควบคุมความเร็วได้แบบมั่นใจ

Toyota Yaris Ativ (S) นับเป็นมิติใหม่ของยานยนต์สไตล์ซับคอมแพคซีดาน ที่ผสมผสานดีไซน์อันทันสมัยผนวกความเร้าใจแบบเล็กๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่คำนึงถึงปัจจัยในการขับใช้งานอย่างความคุ้มค่า ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน ขณะเดียวกันก็เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างเหนือระดับ ส่วนสมรรถนะการขับภายใต้ขุมพลัง 1.2 ลิตร หากคุณคิดและยอมรับได้ว่านี่คือ Eco Car รับรองว่าการตอบสนองนั้นเพียงพอต่อการขับใช้งานอย่างแน่นอนครับ

002001 003 004 006 007 008 009 0010 0011 0012 0013 0014 0015 0016 0017 0018 0023 0020 0019 0021 0022 0024 0025 0026 0027


Viewing all articles
Browse latest Browse all 8650

Trending Articles


เมื่อจดหมายคือสิ่งฮีลใจผู้ต้องขัง แค่ขาด 'ปากกา'...


เราได้ทำการสมัครแอพเงินกู้ ทรัพย์พลัสไปแต่อยากยกเลิกควรทำยังไงดีคะ


มีเบอร์แปลกๆ ส่งการยืนยัน Google SIM มา


ใครพอรู้บ้าง ว่ามูลนิธิมหาทศฐกซนพล มีจริงมั้ย


คิดว่ามีอนิเมะเรื่องใหนไม่เคารพ มังงะ/นิยาย บ้างครับ?


“โรคตุ่มน้ำพอง หรือ โรคเพมฟิกอยด์” อาการเป็นอย่างไร พร้อมวิธีป้องกันและดูแลรักษา


จากคนไม่เคยคิดจะออกกำลังกาย! “ฮารุ สุประกอบ”ฟิตร่างหนักจนหุ่นเปลี่ยนไป


จื่อวี มักเน่แห่ง TWICE ทายาทเศรษฐีไต้หวัน ยืนหนึ่งในไอดอล และสวยติดอันดับ 1...


สรุปทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Pivot Table


โหลดโปรแกรม Cheat Engine สำหรับเก็บเลเวลในเกมส์