Quantcast
Channel: รถใหม่ 2025-2026 รีวิวรถ, ราคารถใหม่, ข่าวรถใหม่, รถยนต์
Viewing all articles
Browse latest Browse all 8595

รีวิว 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ ทั้ง On-Road และ Off-Road ขับดีขึ้น พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย

$
0
0

รีวิว 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ ทั้ง On-Road และ Off-Road ขับดีขึ้น พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย

2015-Ford-Ranger-Group-Test_73

เมื่อวันที่ 27-28 สค. 58 ที่ผ่านมานี้ ทาง ฟอร์ด ประเทศไทย ได้จัดทริปทดสอบรถกระบะพันธุ์แกร่งอย่าง 2015 Ford Ranger ใหม่ ให้แก่บรรดาสื่อมวลชนได้ทำการทดสอบ โดยวางเส้นทาง กทม.-กาญจนบุรี  เพื่อให้นักข่าวสายยานยนต์ ทั้งหลายได้ทดสอบขีดความสามารถของกระบะพันธุ์แกร่ง 2015 Ford Ranger ใหม่ ที่มากับสโลแกน “แกร่งเพื่อทุกความสำเร็จ

2015-Ford-Ranger-Group-Test_04

โดย 9carthai เราได้จับคู่ทดสอบกับ รถหมายเลข 2 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 สีเทา Metropolitan Gray ซึ่งนับได้ว่าเป็นรุ่น Top of The Line ของ 2015 Ford Ranger ใหม่นี้ ซึ่งมีราคา 1,139,000 บาท

2015-Ford-Ranger-Group-Test_65

เพียงแค่เห็นรูปโฉมภายนอกใหม่ ของ 2015 Ford Ranger Wildtrak นั้นเราต้องเรียกว่ามันเป็นการปรับโฉมแบบ Big Minor Changed และอาจต้องทำให้คนที่ชอบกระบะสไตล์อเมริกันตาลุกเนื่องจากได้ถอดรูปลักษณ์อันดูแข็งแกร่งและบึกบึนพร้อมลุยมากยิ่งขึ้น

2015-Ford-Ranger-Group-Test_71

กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบสปอร์ต รวมถึงกระจกด้านข้าง ที่จับประตู ช่องลมด้านข้าง ราวเสริมขอบกระบะท้าย และไฟท้ายที่ใช้วัสดุเคลือบสีเทาดำแบบเมทัลลิก เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่ดุดันและโฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช้หลอดไฟซีนอน ขณะที่ไฟตัดหมอกปรับรูปลักษณ์จากทรงกลมเป็นเหลี่ยม รับกับกันชนหน้าใหม่

2015-Ford-Ranger-Group-Test_05

ล้ออัลลอยขนาด 18” ใน Wildtrak โฉมเก่า ถูกปรับปรุงใหม่ กัดเซาะให้มีสี Metallic ดูดุดันยิ่งขึ้น นอกจากนี้มีการติดตั้งกล้องมองหลังซ่อนอยู่ใต้โลโก้ Ford ที่ฝากระบะท้ายอีกด้วยโดยลิงค์ภาพมาที่หน้าจอคอนโซลภายในห้องโดยสาร

2015-Ford-Ranger-Group-Test_30

ห้องโดยสารภายใน 2015 Ford Ranger Wildtrak ใหม่ ต้องเรียกได้ว่า Big Minor Changed เช่นกัน การเลือกใช้สีส้มดำทูโทนเน้นความสปอร์ต เบาะหนังดำตัดด้วยผ้าสีส้มพร้อมตัวหนังสือ Wildtrak คอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังเดินด้ายสีส้มตลอดแนว เช่นเดียวกับตัวพวงมาลัย

2015-Ford-Ranger-Group-Test_42

นอกจากนี้ เทคโนโลยีออปชั่นครบครัน ทั้งเบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง, ระบบแอร์อัตโนมัติแยกโซน, หน้าจอทัชสกรีน 8” พร้อมระบบมัลติมีเดียที่รองรับทั้ง AUX SD Card USB CD พร้อมเชื่อมต่อมือถือผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 2 ใหม่, Wi-Fi Hotspot ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เนตได้แม้ระหว่างเดินทาง, ช่องต่อไฟ 230 โวลต์ สามารถชาร์จโน๊ตบุ๊คได้, ระบบกุญแจ MyKey, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่มาพร้อมปุ่มควบคุมครบครัน ทั้งสั่งงานด้วยเสียง หน้าจอ MID ครูซคอนโทรล เครื่องเสียง

2015-Ford-Ranger-Group-Test_35

บนแผงมาตรวัด ใหม่ ที่ดูทันสมัย ปุ่มควบคุมทางฝั่งซ้ายของพวงมาลัยจะควบคุมจอ MID ทางด้านซ้ายซึ่งจะเกี่ยวกับระบบมัลติมีเดียของตัวรถ

ขณะที่ปุ่มควบคุมฝั่งขวาของพวงมาลัยจะควบคุมจอ MID ทางด้านขวา ทั้งความเร็วเป็นตัวเลขดิจิตัล, เกจ์น้ำมัน, วัดรอบเครื่องยนต์, อุณหภูมิหม้อน้ำ, Trip, ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้ เป็นต้น

2015-Ford-Ranger-Group-Test_33

ในรุ่นท๊อป 3.2 4×4 นี้เราจะพบปุ่มวงกลมใช้บิดเลือกระบบขับเคลื่อน 2H, 4H และ 4L พร้อมแผงควบคุม Parking Assist, ESP, Diff Lock และ HDC

2015-Ford-Ranger-Group-Test_09

เครื่องยนต์ดีเซล Duratorq TDCi VG เทอร์โบ 5 สูบ 3.2 ลิตร ให้พละกำลังแรงเต็มเปี่ยม 200 แรงม้า@3,000rpm และ แรงบิด 470 นิวตัน-เมตร@1,750-2,500rpm

ในการขับขี่ใช้งานจริงบนถนนนั้น พบว่าเครื่องแรงจริง กำลังมาหนัก พร้อมทอร์คสูง แต่ด้วยความที่ตัวรถหนัก และทอร์คของเครื่องยนต์ 5 สูบ อาจจะมาช้าไปเสียบ้าง แต่ถ้าเผลอเติมคันเร่งลงไปแบบพรวดเดียวในจังหวะกลับรถ คุณจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากล้อได้โดยง่าย นอกจากนี้ในจังหวะ U-Turn รถ ซึ่งอาจต้องระมัดระวังให้ดี แต่ด้วยรุ่นท๊อป 4×4 โฉมนี้มีระบบ ESP และ Traction ที่คอยช่วยเหลืออยู่ จึงอุ่นใจได้ระดับนึง ซึ่งเราไม่แนะนำให้มือใหม่ ปิดระบบ ESP กับเจ้า 3.2 Wildtrak นี้ถ้ายังไม่คุ้นชินกับรถกระบะขับหลังแรงบิดที่หนักเช่นนี้

ด้วยกำลังเครื่องที่มีให้แบบเหลือใช้ เช่นนี้ทำให้ Ford Ranger 3.2 นี้ ‘ขับขี่ได้อย่างสนุกจนอาจมีลืมไปว่านี่คือรถกระบะขับ 4 ยกสูง’ แต่จากการทดสอบซึ่งผู้เขียนได้เป็นผู้นั่ง และลองมองไมล์ขณะที่เพื่อนสื่อมวลชนได้ทดลอง Top Speed พบว่า ความเร็วโดนล๊อกที่ราวเกือบๆ 185 กม./ชม. ซึ่งในความเป็นจริงก็นับว่าเหลือเฟือเกินใช้แล้วกับรถกระบะขับ 4×4 ที่เกิดมาเพื่อลุยโดยแท้

ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองนั้น ต้องเรียนตามตรงว่าในทริปทดสอบนี้รถ รถคันเราอาจไม่ได้เน้นตัวเลขในด้านอัตราสิ้นเปลืองมากนัก ซึ่งได้ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ราว 9 กม./ชม.+ เล็กน้อย กับรถกระบะเครื่องโต 3.2 ลิตรคันนี้

2015-Ford-Ranger-Group-Test_80

ในด้านของการควบคุมตัวรถนั้น ผู้เขียนขอชมว่านี่ล่ะสิ่งที่ดีงานที่สุดของ Ranger ใหม่
การปรับเปลี่ยนจากพวงมาลัยพาวเวอร์ไฮโดรลิก ปรับมาใช้เป็นแบบไฟฟ้า EPAS ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคาแรกเตอร์พวงมาลัยที่อยู่ใน Fiesta ที่มีความเบาหว๋อง ขณะจอดหยุดนิ่ง แต่เมื่อขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ จะพบความแน่นตึ๊บมือ ควบคุมได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ซึ่งอาการจะตรงกันข้ามกับพวงมาลัยไฮโดรลิกเช่นเดิม ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงคุณยังไว้ใจในการควบคุมได้มากกว่ากระบะแบรนด์ญี่ปุ่นคันอื่นๆ นอกจากนี้ การขับเข้าโค้งต่อโค้งนั้นเป็นอะไรที่สนุกมากไม่แพ้รถยนต์เก๋งเลย

2015-Ford-Ranger-Group-Test_24

ขณะที่ช่วงล่างก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงเช่นเดียวกัน ด้านหน้าปีกนกคู่ ด้านหลังแบบแหนบซ้อน แต่ได้มีการปรับค่า K สปริงใหม่ ให้คงความเป็น Passenger Pick Up มากยิ่งขึ้น จุดนี้มอบความประทับใจได้เป็นอย่างมาก ทรงของช่วงล่าง ดูดีแน่น เฟิร์ม แต่ไม่แข็ง โดยการขับขี่ผ่านพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบนั้น ยังคงให้ความหนักแน่นของช่วงล่างเช่นเคย แต่ยังคงซับแรงได้ดี ไม่รู้สึกสะเทือนจนนั่งแล้วอึดอัด เรียกได้ว่าช่วงล่างมีความยืดหยุ่น และผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

2015-Ford-Ranger-Group-Test_11

สำหรับระบบเบรก ที่เป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ตามมาตรฐานกระบะโดยทั่วไปนั้น ที่จริงแล้วเบรกมันมีประสิทธิภาพเพียงพอในการหยุดชะลอความแรงระดับ 200 ม้าได้ แต่ด้วยการเซ็ทแป้นเบรกที่ดูจะต้องกดแป้นลงลึก ลงน้ำหนักเท้ากันมากหน่อย จึงอาจทำให้ผู้ที่ชินกับการขับรถยนต์มาก่อน ต้องปรับการกะระยะเบรก หรือน้ำหนักเท้าให้เป็นคน “ตีนหนัก” มากขึ้น ซึ่งการเซ็ทแป้นเบรกเช่นนี้ ดูไร้น้ำหนักและเบรกทื่อไปเสียหน่อย

2015-Ford-Ranger-Group-Test_88

ในส่วนถัดมาเราจะขอพูดถึงการขับทดสอบในรูปแบบ OffRoad จัดขึ้น ณ สนามฝึกขับและทดสอบยานพาหนะ ขส.ทบ. ท่าม่วง
จะถูกแบ่งการขับขี่ ออกเป็น 3 สเตชั่น ได้แก่

2015-Ford-Ranger-Group-Test_76

1. เริ่มต้นโดยให้ทดสอบกำลังเครื่องยนต์ในการไต่ขึ้นเขา พร้อมทดสอบระบบ HSA และ HDC โดยการขึ้น-ลงทางลาดชัน
โดยเริ่มต้นขึ้นทางลาดชันที่มีความชัน 50 องศา และลง 30 องศา ก่อนที่จะขึ้น 50 องศาอีกครั้ง และลงที่ 60 องศา
โดยการทดสอบนี้จะให้เราขับ Ranger 3.2 4X4 ตะกุยขึ้นทางชัน โดยมีการจอดค้างที่เนินเพื่อทดสอบระบบ HSAที่จะช่วยหน่วงแป้นเบรกเอาไว้ 2 วินาที เพื่อให้เราสามารถออกตัวได้ต่อโดยที่รถไม่ไหลกลับ ขณะที่การลงทางชัน เพียงแค่กดปุ่ม HDC ก็สามารถที่จะปล่อยเบรก ให้รถไหลลงเองได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งใน Ranger ใหม่นี้ จะควบคุมความเร็วให้ไม่เกิน 9 กม./ชม. เพิ่มความสะดวก ด้วยการเพิ่ม หรือ ลดความเร็วได้เองจากปุ่ม + – บนด้านขวาพวงมาลัย เหมือนการควบคุมความเร็วของ Cruise Control

2015-Ford-Ranger-Group-Test_79

2. การขับลุยทาง Off-Road ในรูปแบบต่างๆ
2.1) เริ่มจากการขับลุยเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหิน ซึ่งในช่วงนี้ เราจะได้ทดสอบความแน่นเฟิร์มของระบบช่วงล่าง Ranger ใหม่กันอย่างเต็มที่ ซึ่งการปรับเป็นโหมด 4H นั้นสามารถบิดได้ทันทีหรือที่เรียกกันว่า Shift on fly สามารถขับด้วยความเร็วระดับ 30-40 กม./ชม.รูดยาวไปได้จนสุดเส้นทาง

2015-Ford-Ranger-Group-Test_84

2.2) การขับลุยพื้นที่มีน้ำขังสูงระดับ 50-60 ซม. ในจุดนี้ จะต้องปรับลงมาที่โหมด 4L โดยการจอดรถเข้าเกี่ยร์ N ก่อนทุกครั้งแล้วจึงหมุนมาที่ตำแหน่ง 4L การขับลุยน้ำขังที่สูงนี้จะต้องการกำลังของเครื่องยนต์และเกียร์แรกที่มีอัตราทดสูง เพื่อเรียกกำลังในการไต่ ฉุดรถผ่านอุปสรรคไปได้โดยไม่ลำบากยากเย็นแต่อย่างใด ที่สำคัญ Ranger ใหม่ เคลมการขับลุยน้ำได้สูงถึง 80 ซม. เลยทีเดียว

2.3) เนินแบบลูกระนาดที่มีต่อเนื่อง โดยสามารถใช้โหมดการขับได้ทั้ง 4H หรือ 4L หากใช้ 4H จะต้องใช้การเลี้ยงเบรกในจังหวะหย่อนรถลงทุกครั้ง เพื่อความนุ่มนวล แต่ถ้าใช้ 4L กำลังฉุดที่สูงของเครื่องยนต์จะทำหน้าที่เป็น Engine Brake เองซึ่งช่วยให้ไม่จำเป็นต้องมาเหยียบเลียเบรกลงเนินกันโดยตลอด

2015-Ford-Ranger-Group-Test_66

3. หลังจบการทดสอบแบบ Off-Road ก็วนต่อมาในส่วนของสเตชั่น Gymkhana ซึ่งเป็นการจำลอง Track สั้นๆ วิ่งตามไลน์ที่ได้ตั้ง Pylon ไว้ โดยเริ่มต้นจากการ Slalom ต่อด้วยโค้งกว้าง โค้ง S และวนเลข 8 เป็นอันจบ Route แต่ไฮไลท์ที่การขับในครั้งนี้สร้างความประทับใจให้ผู้เขียน อยู่ที่พื้นผิว Track ไม่ใช่พื้นลาดยางแบบทั่วไปที่ขับกัน แต่เป็นพื้นกรวด ใช่! มันสนุกมากจริงๆ กับการขับรถกระบะที่มี ทอร์คสูง ร่วมกับพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ที่ให้การตอบสนองอันยอดเยี่ยมเบาคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ เราสามารถสาดโค้งท้ายออกได้อย่างสนุก โดยเฉพาะจังหวะวนเลข 8 ซึ่งคุณงามความดีของพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่นี้ ช่วยให้การ Counter Steering พวงมาลัย กลับมาตั้งลำตรงนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายซึ่ง เราชื่อว่ากระบะคันอื่นๆ คงจะทำได้ยากกว่านี้อย่างแน่นอน

2015-Ford-Ranger-Group-Test_67

สรุป 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ ที่เราได้สัมผัสแบบเต็มทั้งรูปแบบ On-Road และ Off-Road ในครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่การปรับโฉม ซึ่งยังคงใช้ขุมพลังบล็อกเดิม แต่ต้องถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ และน่าสนใจไม่แพ้กระบะเปลี่ยนโฉม Model Changed คันอื่นๆ
ฟีลลิ่งการขับที่ปรับปรุงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ซึ่งของเดิมนับว่าดีอยู่แล้ว) และระบบความปลอดภัย รวมไปถึงอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่างๆ ต้องเรียกได้ว่าทันสมัยไม่แพ้กระบะรุ่นใดเลย
แม้อาจมีบางจุดที่ยังดูด้อยกว่าอยู่บ้าง อาทิ ไม่มีแอร์ตอนหลัง และระบบนำทางเป็นต้น
แต่โดยรวมแล้วหากคุณต้องการเป็นผู้นำในด้านความแกร่งอันเหนือชั้นเกินรถกระบะในตลาดแล้วล่ะก็ 2015 Ford Ranger Wildtrak Double Cab 3.2 4×4 ใหม่ จะเป็นรถที่ตอบโจทย์ให้กับ LifeStyle ชอบลุยอย่างคุณได้แน่นอน

ขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย สำหรับทริปทดสอบ 2015 Ford Ranger ใหม่ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

2015-Ford-Ranger-Group-Test_23 2015-Ford-Ranger-Group-Test_24 2015-Ford-Ranger-Group-Test_25 2015-Ford-Ranger-Group-Test_26 2015-Ford-Ranger-Group-Test_27 2015-Ford-Ranger-Group-Test_28 2015-Ford-Ranger-Group-Test_29 2015-Ford-Ranger-Group-Test_30 2015-Ford-Ranger-Group-Test_31 2015-Ford-Ranger-Group-Test_32 2015-Ford-Ranger-Group-Test_33 2015-Ford-Ranger-Group-Test_34 2015-Ford-Ranger-Group-Test_35 2015-Ford-Ranger-Group-Test_36 2015-Ford-Ranger-Group-Test_37 2015-Ford-Ranger-Group-Test_38 2015-Ford-Ranger-Group-Test_39 2015-Ford-Ranger-Group-Test_40 2015-Ford-Ranger-Group-Test_41 2015-Ford-Ranger-Group-Test_42 2015-Ford-Ranger-Group-Test_43 2015-Ford-Ranger-Group-Test_44 2015-Ford-Ranger-Group-Test_45 2015-Ford-Ranger-Group-Test_46 2015-Ford-Ranger-Group-Test_47 2015-Ford-Ranger-Group-Test_48 2015-Ford-Ranger-Group-Test_49 2015-Ford-Ranger-Group-Test_50 2015-Ford-Ranger-Group-Test_51 2015-Ford-Ranger-Group-Test_52 2015-Ford-Ranger-Group-Test_53 2015-Ford-Ranger-Group-Test_54 2015-Ford-Ranger-Group-Test_55 2015-Ford-Ranger-Group-Test_56 2015-Ford-Ranger-Group-Test_57 2015-Ford-Ranger-Group-Test_58 2015-Ford-Ranger-Group-Test_59 2015-Ford-Ranger-Group-Test_60 2015-Ford-Ranger-Group-Test_61 2015-Ford-Ranger-Group-Test_62 2015-Ford-Ranger-Group-Test_63 2015-Ford-Ranger-Group-Test_64 2015-Ford-Ranger-Group-Test_65 2015-Ford-Ranger-Group-Test_66 2015-Ford-Ranger-Group-Test_67 2015-Ford-Ranger-Group-Test_68 2015-Ford-Ranger-Group-Test_69 2015-Ford-Ranger-Group-Test_70 2015-Ford-Ranger-Group-Test_71 2015-Ford-Ranger-Group-Test_72 2015-Ford-Ranger-Group-Test_73 2015-Ford-Ranger-Group-Test_74 2015-Ford-Ranger-Group-Test_75 2015-Ford-Ranger-Group-Test_76 2015-Ford-Ranger-Group-Test_77 2015-Ford-Ranger-Group-Test_78 2015-Ford-Ranger-Group-Test_79 2015-Ford-Ranger-Group-Test_80 2015-Ford-Ranger-Group-Test_81 2015-Ford-Ranger-Group-Test_82 2015-Ford-Ranger-Group-Test_83 2015-Ford-Ranger-Group-Test_84 2015-Ford-Ranger-Group-Test_85 2015-Ford-Ranger-Group-Test_86 2015-Ford-Ranger-Group-Test_87 2015-Ford-Ranger-Group-Test_88 2015-Ford-Ranger-adjust-seat 2015-Ford-Ranger-Group-Test_01 2015-Ford-Ranger-Group-Test_02 2015-Ford-Ranger-Group-Test_03 2015-Ford-Ranger-Group-Test_04 2015-Ford-Ranger-Group-Test_05 2015-Ford-Ranger-Group-Test_06 2015-Ford-Ranger-Group-Test_07 2015-Ford-Ranger-Group-Test_08 2015-Ford-Ranger-Group-Test_09 2015-Ford-Ranger-Group-Test_10 2015-Ford-Ranger-Group-Test_11 2015-Ford-Ranger-Group-Test_12 2015-Ford-Ranger-Group-Test_13 2015-Ford-Ranger-Group-Test_14 2015-Ford-Ranger-Group-Test_15 2015-Ford-Ranger-Group-Test_16 2015-Ford-Ranger-Group-Test_17 2015-Ford-Ranger-Group-Test_18 2015-Ford-Ranger-Group-Test_19 2015-Ford-Ranger-Group-Test_20 2015-Ford-Ranger-Group-Test_21 2015-Ford-Ranger-Group-Test_22

Viewing all articles
Browse latest Browse all 8595

Trending Articles